รับงานโปรเจ็กต์รัฐ8.5 แสนล.
โบรกฯ คงมุมมองบวก กลุ่มรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่อานิสงส์ โครงการภาครัฐขนาดใหญ่ไม่น้อยกว่า 8.50 แสนล้านบาทประมูลในปีนี้ดันแบ็กล็อกครึ่งหลังบล.กสิกรไทยแนะหุ้น STEC และ CK
จากการที่คณะกรรมการการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) มีมติอนุมัติ แผนการลงทุนโครงการ รถไฟฟ้าสายสีส้ม (บางขุนนนท์-มีนบุรี) ภายใต้มาตรการเร่งรัดโครงการ PPP มูลค่า 2.35 แสนล้านบาท โดยคาดว่าเส้นทางในภาคตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี) จะเปิดให้บริการในปี 2566 และเปิดให้ บริการทั้งเส้นทางภายในปี 2568 หลังจากนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจะถูกส่งมอบให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเป็นลำดับต่อไป
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทยฯ หรือ KS ระบุในบทวิเคราะห์ว่าเป็นข่าวดีสำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะผู้รับเหมาขนาดใหญ่ เนื่องจากโครงการ MRT สายสีส้มฝั่งตะวันตกจะวิ่ง ใต้ดินทั้งหมดเป็ นจำนวน 13 สถานี ทำให้เหลือเพียงผู้รับเหมาขนาดใหญ่ไม่กี่ราย เช่น CK ITD STEC และ UNIQ ที่มีคุณสมบัติสามารถรับงานก่อสร้างระบบใต้ดินของ MRT ได้เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการทางฝั่งตะวันออกที่มีสัญญางานก่อสร้างโยธาแบ่งเป็น 6 สัญญา จึงเชื่อว่าจะมีสัญญาของโครงการ MRT สายสีส้มฝั่งตะวันตกที่จะเพียงพอให้กับกลุ่มรับเหมาได้รับงานกันอย่างถ้วนหน้า ทั้งนี้ คาดว่า ครม. จะอนุมัติโครงการภายในเดือนมกราคมนี้ จึงคาดว่าจะมีการจัดประมูลภายในครึ่งแรกของปี 2562
ข่าวดังกล่าวยังช่วยยืนยันมุมมองของบล.กสิกรไทยฯ ที่ว่ารอบการประมูลโครงการใหม่จากรัฐบาลจะเกิดขึ้นในปีนี้โดยเชื่อว่าร่างขอบเขตงาน (TOR) สำหรับโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ จำนวนมากจากรัฐบาลจะประกาศในครึ่งแรกของปี 2562 และคาดว่า backlog โครงการรับเหมาก่อสร้างจะปรับสูงขึ้นในครึ่งหลังของปี2562
บล.กสิกรไทยฯ ยังคงมุมมองเป็น “บวก” ต่อกลุ่มรับเหมาเพราะ 1. ผู้รับเหมามีโครงการขนาดใหญ่อยู่ในมือ 2 . ราคาวัสดุก่อสร้างที่ลดลง และ 3. มีโครงการภาครัฐขนาดใหญ่มูลค่าอย่างน้อย 8.50 แสนล้านบาทที่จะนำเข้าประมูลในปีนี้ โดยเลือก STEC เป็นหุ้นเด่นด้วยราคาเป้าหมายที่ 30.10 บาท นอกจากนี้แนะนำ “ซื้อ ” CK ด้วยราคาเป้าหมายที่ 31.20 บาท ขณะที่ยังคงคำแนะนํา “ถือ” ITD ด้วยราคาเป้าหมายที่ 2.74 บาท
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,439 วันที่ 24-26 มกราคม 2562