หนุนกำไรCK,SYNTECหลังศาลสั่งกทพ.ชดเชย1.8พันล้าน
BEM เฮ ! รับรู้ร“ยได้เพ‘่ม หลังศ““ยได้กว่า 1.8 พันล้านบ“ท โบรกฯ มองสัญญ“ณบวกไตรม“ส 3 BEM เพ’ยบ รับไฮซ’ซัน ธุรก‘จ-ทยอยเป‘ดให้บร‘ก“รรถไฟฟ้าส“ยส’นํ้“เง‘นส่วนต่อขย“ย อ“น‘สงส์หนุนก”ไร CK และ SYNTEC จ“กพอร์ตท’่ถือในร“ค“ต้นทุนตํ่“
จากการที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ชำระเงินค่าชดเชยรายได้ที่ลดลงจากประมาณการให้แก่บริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัททาง ด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ตามโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด เป็นจำนวนเงิน 1,790 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย
นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัสฯ (ASP) กล่าว กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นอกจากราคาหุ้น BEM ที่สะท้อนความคาดหวังเชิงบวก หุ้นที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมคือ บริษัทช.การช่างฯ หรือ CK เข้าไปถือหุ้น BEM ทั้งทางตรงและทางอ้อมอยู่ 31.72% ก็จะได้รับตามส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนได้เสียจาก BEM (ราว 570 ล้านบาทยังไม่บวกดอกเบี้ย) ขึ้นกับกทพ.จะชดเชยให้เมื่อไรและรูปแบบใด
“ที่ผ่านมา CK จะมีการซื้อขายหุ้นในบริษัทลูกๆ ไม่ว่าจะเป็น BEM หรือ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) อย่างในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา CK ซื้อหุ้น BEM เข้ามาในพอร์ต 130 ล้านหุ้น วงเงิน 995 ล้านบาทหรือในราคาหุ้นละ 7.65 บาท เทียบราคาปิด BEM ล่าสุด วันที่ 24 กันยายน 2561 ที่ 8.75 บาท ซึ่งขึ้นกับว่า CK จะมีการขายหุ้น BEM ออกเพื่อรับรู้กำไรในระยะสั้นหรือไม่ (ส่วนต่างราคาที่หุ้นละ 1.10 บาท)”
ขณะที่หุ้นบมจ.ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น หรือ SYNTEC ปัจจุบันถือหุ้น BEM อยู่ประมาณ 75 ล้านหุ้น ต้นทุนหุ้นละ 2.95 บาท โดยบันทึกเป็นเงินลงทุนเผื่อขายในงบดุล ราคาหุ้น BEM ที่เพิ่งสะท้อนในส่วนของผู้ถือหุ้นนับเป็นแวลูของ SYNTEC ที่เพิ่ม แต่ยังไม่ได้รับรู้ในงบทำกำไรขาดทุนโดยตรง จนกว่าจะขายออกมาจริง (กำไรราว 400 ล้านบาท จากส่วนต่างต้นทุนกับราคาขาย)
ASP ให้ราคาเป้าหมายหุ้น CK ที่ 32 บาท ราคาปิดเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 ที่ 27.25 บาท และหุ้น SYNTEC ที่ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท จากราคาปิด 3.98 บาท
บทวิเคราะห์บล.เอเชียเวลท์ฯ ระบุว่า การที่ได้ BEM ได้เงินชดเชย 1.8 พันล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย จะทำให้ BEM มีรายได้เพิ่มเติมเพิ่มจากรายได้ดำเนินงานปกติ แนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท เนื่องจากในไตรมาส 3/2561 ยังเป็นช่วงไฮซีซั่น กำไรจากการดำเนินงานไม่รวมรายการพิเศษคาดอยู่ในเกณฑ์ 924 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส อื่นๆ ที่อยู่ราว 700-800 ล้านบาท ในไตรมาส 3 นี้ BEM ยังรับรู้กำไรจากการขายหุ้นของ CKP จำนวน 111.2 ล้านหุ้น คิดเป็นกำไรหลังหักภาษีจากการขายหุ้นไปในช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 ประมาณ 120 ล้านบาท
รวมถึงปัจจัยบวกรออยู่ข้างหน้า จากการทยอยเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินส่วน
ต่อขยาย โดยเมื่อแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2563 คาดจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นจาก 3 แสนเที่ยวต่อวัน เป็น 5 แสนเที่ยวต่อวัน จำนวนขบวนรถที่ให้บริการปัจจุบันมี 19 ขบวน BEM มีแผนเพิ่มอีก 35 ขบวน เป็น 54 ขบวน ภายในปี 2563 โดย 3 ขบวนแรกที่เพิ่มขึ้นจะเริ่มเดินรถได้ประมาณต้นปี 2562
นอกจากนี้ BEM ยังได้ประโยชน์จากการยืดอายุสัมปทานของโครงการรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินจากปี 2572 ไปเป็นปี 2593 อีกทั้งได้ทำสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีนํ้าเงินส่วนต่อขยายเป็นเวลา 33 ปี สิ้นสุดในปี 2593 การยืดอายุสัมปทานดังกล่าว ยังเป็นเหตุให้ค่าเสื่อมราคาของบริษัทลดลงประมาณ 80 ล้านบาทต่อไตรมาส รวมไปถึงการที่บริษัทจะกำลังมีแผนขยายธุรกิจพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ผ่าน BMN ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ในการปรับปรุงรูปแบบสื่อโฆษณาและเพิ่มจำนวนร้านค้าปลีกภายในสถานีให้ทันสมัย และมีร้านค้าแบรนด์ดังหลายแห่งเข้ามาเช่าพื้นที่แล้ว
ราคาหุ้น BEM ปิดเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 ที่ 8.80 บาท ก่อนจะขยับขึ้นปิดที่ 9.05 บาท เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2561 เปลี่ยนแปลง 2.84% หลังมีข่าว BEM ชนะคดี กทพ. ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 ปิดราคาที่ 8.75 บาท
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,404 วันที่ 27-29 กันยายน 2561