ไตรมาส1ความเชื่อมั่นเอกชนติดลบสภาอุตฯชี้ปัจจัยเสี่ยงภัยแล้งฉุดกำลังซื้อเมกะโปรเจ็กต์ยังไม่ชัด

24 ม.ค. 2559 | 02:00 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ค. 2559 | 16:15 น.
ส.อ.ท.ชี้แนวโน้มความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในไตรมาสแรกยังไม่ดีขึ้น ผลสำรวจผู้ประกอบการกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศชะลอตัว มีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้ง ส่งผลต่อรายได้เกษตรกร โครงการลงทุนขนาดใหญ่ยังไม่มีความชัดเจน จี้รัฐบาลเร่งแก้ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ พร้อมเปิดประมูลการลงทุนภาครัฐให้เป็นรูปธรรม กระตุ้นความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา จำนวนกว่า 1.2 พันราย ครอบคลุมใน 44 กลุ่มอุตสาหกรรมของส.อ.ท.ทั้งขนาดย่อม ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า(ม.ค.-มี.ค.59) พบว่า ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศ ส่งผลให้ ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 102.7 ลดลงจากที่ได้มีการสำรวจช่วงเดือนพฤศจิกายน 2558 ที่ระดับ 104.4

โดยในส่วนของอุตสาหกรรมขนาดย่อมปรับตัวลดลงจาก 101.3 มาอยู่ที่ระดับ 99.2 อุตสาหกรรมขนาดกลางลดลงมาอยู่ระดับ 100.6 จาก 104.5 จะมีเพียงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เท่านั้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 108.6 จาก 106.8 และยังพบว่ากลุ่มผู้ประกอบการที่มีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศน้อยกว่า 50 % ก็ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันมาอยู่ที่ 102.3 % จากระดับ 103.6 และกลุ่มผู้ประกอบการที่มียอดส่งออกตั้งแต่ 50 % ขึ้นไป ความเชื่อมั่นได้ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันมาอยู่ที่ 104.7 จากระดับ 108

ทั้งนี้ ปัจจัยที่สำคัญส่งผลให้ความเชื่อมั่นลดลงนั้น เนื่องจากผู้ประกอบการยังกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ที่ยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังชะลอตัวอยู่ ประกอบปัญหาภัยแล้งที่มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น และราคาพืชผลทางการเกษตรที่ยังตกต่ำอยู่ ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ลดลง ประกอบกับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องประดับ มีความกังวลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่จะลดลง หลังจากที่มาตรการลดภาษีของรัฐบาลในการซื้อสินค้า 1.5 หมื่นบาท เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2558 สิ้นสุดลงไปแล้ว จึงทำให้กำลังซื้อสินค้าของประชาชนในช่วงต้นปีนี้ชะลอตัวตามไปด้วย

นอกจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าจะเติบโตอยู่ในระดับ 3.3 % ก็มีการขยายตัวไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ และปรับการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกลงมาเหลือ 2.9 % โดยเฉพาะการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของโลกยังมีปัญหาอยู่ ทำให้ฉุดความต้องการบริโภคสินค้าลดลง อีกทั้ง ปัจจัยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงตาม ซึ่งล้วนมีผลต่อการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจ

"กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความเชื่อมั่นลดลงนั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก หลังคาและอุปกรณ์ หล่อโลหะ ยา ผู้ผลิตไฟฟ้า ปิโตรเคมี เคมี ผลิตภัณฑ์ยาง ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์และสุขภาพ เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่มีความเชื่อมั่นดีขึ้น เช่น ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ อาหาร น้ำตาล สมุนไพร โรงกลั่นน้ำมัน การจัดการสิ่งแวดล้อม และเครื่องสำอาง เป็นต้น "

นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยปรับตัวขึ้นได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ได้นั้น ส่วนหนึ่งผู้ประกอบการอยากจะให้รัฐบาลเปิดให้มีโครงการลดภาษี จากการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง ประกอบการแก้ปัญหาภัยแล้งให้มีการเร่งรัดดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และให้มีการบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับการมีมาตรการดูแลปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ เพื่อสร้างกำลังซื้อในภาคเกษตรให้กลับคืนมา

อีกทั้ง ผู้ประกอบการอยากเห็นการลงทุนของภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ และโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประมูลโครงการต่างๆ หรือมีการลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจว่าโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงตามที่มีนโยบายไว้

แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมในปีนี้ น่าจะดีกว่าปี 23558 เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศมีเสถียรภาพมากกว่าปีก่อน และผู้บริโภคมีการปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลที่ได้ใส่ลงไปเมื่อปีที่ผ่านมาจะเริ่มเห็นผลการดำเนินงานปีนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,124 วันที่ 21 - 23 มกราคม พ.ศ. 2559