ทำไมต่างชาติทิ้งหุ้นไทย!

17 ธ.ค. 2560 | 09:48 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2557 มาถึงเดือนพฤศจิกายน 2560 ยกเว้นปี 2559 ที่มียอดซื้อสุทธิ 2,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนว่านักลงทุนต่างชาติมองคนละมุมกับนักลงทุนไทย ที่มีความหวังว่าดัชนีหุ้นจะทะลุ 1,800 จุดไปได้ในปีหน้า ด้วยปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่คาดว่าจะขยายตัวมากกว่า 4%

แต่อย่าลืมว่าโลกของการลงทุนเปิดกว้างไปทั่วโลก ที่ไหนมีของดีราคาถูก เงินลงทุนก็จะเฮโลไปที่นั่น และมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย การลงทุนไม่ใช่มีเพียงหุ้น ตราสารหนี้ และ ทองคำอีกต่อไปแล้ว ตลาดที่อุปโลกน์ขึ้น บิตคอยน์ หรือ สกุล เงินดิจิตอลเติบโตก้าวกระโดด สร้างกำไรหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลาอันสั้น และยังไม่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป

M1833212-1c หากพิจารณาเฉพาะหุ้นที่หลายตลาดไม่หยุดสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ทำไมตลาดหุ้นไทย ดัชนีขึ้นไปถึง 1,700 จุด ก็เจอแรงขายทำกำไร เป็นเพราะเหตุใด

เราต้องกลับมามองว่าหุ้นไทยน่าสนใจตรงไหน และทำไมต่างชาติถึงขายสุทธิ 1,091 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2557 และทิ้งหนักๆ อีก 4,372 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2558 ส่วนปีนี้ ยังขายอย่างต่อเนื่อง และเงินไหลเข้าไปซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม และอินเดีย สะท้อนว่านักลงทุนต่างชาติมีมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นของเราไม่เหมือนนักลงทุนไทยที่มองบวก

[caption id="attachment_228498" align="aligncenter" width="362"] ดร.ภากร ปีตธวัชชัย ดร.ภากร ปีตธวัชชัย[/caption]

นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเดือนพฤศจิกายน นักลงทุนต่างชาติ มีการขายสุทธิในตลาดหุ้นเอเชียหลายตลาด ได้แก่ อินโดนีเซีย ไต้หวัน ไทย และฟิลิปปินส์ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลง 1.4% จากเดือนก่อนสอดคล้องกับทิศทางของ ตลาดเกิดใหม่ (emerging market)

“เดือนพฤศจิกายน นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 18,894 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปีมียอดขายุสทธิ 17,067 ล้านบาท แต่ดัชนีหุ้นปิดที่ 1,697.39 จุด เพิ่มขึ้น 10% จากสิ้นปี 2559 โดย มี 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าดัชนีหุ้น ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มบริการ กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มธุรกิจการเงิน ตามลำดับ”

ส่วนอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ระดับ 2.89% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่อยู่ที่ 2.53% และสัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นพี/อี) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ระดับ 17.05 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.75 เท่า

ทั้งนี้ ต่างชาติขายหุ้นไทย แล้วทำไมถึงเลือกลงทุนในตลาดเพื่อนบ้านแทน เป็นคำถามที่จะต้องรีบหาคำตอบก่อนที่ตลาดหุ้นไทยจะมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ เป็นไปได้หรือไม่ว่า เรามีหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีให้เลือกลงทุนน้อยเกินไปหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา!!!

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,322 วันที่ 14 - 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9