‘เสี่ยยักษ์’ เปิดใจอุ้ม 'AJA' จำใจควัก 100 ล้าน กุมหุ้นใหญ่ 70% ใน 'VDC'

08 ต.ค. 2560 | 04:10 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ต.ค. 2560 | 14:00 น.
“วิชัย วชิรพงศ์” นักลงทุนรายใหญ่ เปิดอกจำเป็นอุ้มแม่-ลูก AJA ก่อนตายหมู่ หลังจากนี้แยกทางกันทำธุรกิจ เครื่องใช้ไฟฟ้ากับตู้เติมเงิน เชื่อธุรกิจไปได้ขอเวลาศึกษาแผนก่อนจัดโครงสร้างบริหารใหม่

นายวิชัย วชิรพงศ์ หรือ “เสี่ยยักษ์” นักลงทุนรายใหญ่ชื่อดัง เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การเข้าไปถือหุ้นใหญ่ บริษัท เวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่นฯ (VDC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยีฯ (AJA) ถือเป็นจังหวะที่เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้กับ AJA และ VDC เพราะหากไม่ช่วยเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ VDC จำนวน 4.8 ล้านหุ้น ราคาซื้อหุ้นละ 115 บาท ส่งผลให้ AJA และ VDC ประสบปัญหาได้ เนื่องจากการเพิ่มทุนครั้งนี้เพื่อนำเงินไปชำระคืนให้กับ AJA ซึ่ง VDC มีภาระหนี้กับบริษัทแม่ทั้งหมด 707.35 ล้านบาท กำหนดชำระวันที่ 2 ตุลาคมนี้ จำนวน 347.7 ล้านบาท ,วันที่ 12 ตุลาคม จำนวน 136.3 ล้านบาท รวม 484 ล้านบาท ที่เหลือกำหนดชำระปี 2561

เสี่ยยักษ์ กล่าวว่า VDC มีแผนธุรกิจ แต่ขอเวลาเข้าไปศึกษาก่อน ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเป้าหมายการเข้าไปถือหุ้นใหญ่ เนื่องจากยังฝุ่นตลบ

9gb588fa57bjbh77jaacj “ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ AJA-VDC มันเป็นอุบัติเหตุ ที่ลูกเป็นหนี้บริษัทแม่ (AJA) ที่ไปออก บี/อี กู้เงินมาให้ลูก (VDC) พอบี/อีมีปัญหา แม่ทวงเงินลูกลูกไม่มีเงินให้ ก็ต้องเพิ่มทุนคืนเงินแม่ทั้งหมด เงินเพิ่มทุนมาจากผมและผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเป็นผู้บริหารอีก 2 คน ด้วยความจำเป็น ไม่งั้นตายหมู่ แม่รอด ลูกไปได้ ต่างคนต่างรอด แต่ปัญหาตอนนี้ยังฝุ่นตลบ ต้องขอเวลาผมเข้าไปศึกษาก่อน จึงเปิดเผยแผนธุรกิจ ผมลงทุนก็ต้องคิดว่าธุรกิจดี ไปได้ ซึ่งตู้เติมเงินของ VDC สามารถแข่งขันได้” เสี่ยยักษ์ กล่าว

ภายหลังการเพิ่มทุน ส่งผลให้เสี่ยยักษ์และกลุ่ม ถือหุ้น 76.58% โดยเสี่ยยักษ์ ถือ 28% จากเดิม 10.24%, นางสาววิจิตรา ปิ่นเรืองหิรัญ 29% จากเดิม 13.70% และนางสาวอติกานต์ จึงวิวัฒนวงศ์ 19.58% จาก 3.50% ส่วน AJA ลดสัดส่วนจาก 60.08% เหลือ 17.67% จากการสละสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน VDC มูลค่า 331.64 ล้านบาท จำนวน 2,888,840 หุ้น หรือ 42% โดย VDC เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 200 ล้านบาท เป็น 680 ล้านบาท ออกหุ้นเพิ่มทุน 4.8 ล้านหุ้น พาร์ 100 บาท เป็นเงินจากการเพิ่มทุน 552 ล้านบาท บางส่วนนำไปคืนหนี้ให้ AJA ลดภาระหนี้กับบริษัทแม่

อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างทางการเงินและการถือหุ้นของ VDC ส่งผลให้สิ้นสุดการเป็นบริษัทย่อยของ AJA และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ตู้เติมเงินจะไม่ใช้แบรนด์ “เติมสบาย BY AJ” อีกต่อไป

นายอมร มีมะโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AJA กล่าวว่า ธุรกิจของ AJA ยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ หลังจากปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างทุนของ VDC เรียบร้อยแล้ว จะทำให้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทกลับมาแข็งแรง มีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็ง พร้อมในการรุกขยายธุรกิจต่อไป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,302 วันที่ 5 - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-1