นายทรงวิทย์ กล่าวต่อถึงความคืบหน้าการเปิดให้บริการ asap GO (เอแซ็ป โก) ภายใต้แนวคิด Car Sharing ซึ่งคิดค่าบริการตามการใช้งานจริง (Pay per use) นั้น หลังเริ่มให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตามอาคารสำนักงานประมาณ 6 แห่ง พบว่า ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะนักธุรกิจต่างชาติหรือกลุ่มพนักงานลูกค้าองค์กรธุรกิจข้ามชาติ เนื่องจากมีความคุ้นเคยกับการใช้บริการในลักษณะนี้ในต่างประเทศ บริษัทฯ จึงมีแผนขยายจุดให้บริการ asap GO เพิ่มเติม โดยเชื่อมั่นว่าจะเปิดให้บริการได้ครบ 30 อาคารตามเป้าหมายที่วางไว้ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาแอพพลิเคชั่น asap GO ไปสู่กลุ่มลูกค้าบุคคล หรือ Business to Customer (B2C) โดยจะเปิดให้พนักงานองค์กรที่เป็นคู่สัญญา สามารถใช้บริการ asap GO ในนามส่วนตัว โดยค่าบริการจะเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการโดยตรง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการในรูปแบบดังกล่าวได้ภายในปีนี้ รวมถึงมีแผนเพิ่มปริมาณรถยนต์เพื่อรองรับการขยายการให้บริการ asap GO อีกด้วย