"ก้องเกียรติ โอภาสวงการ" รู้(เทรนด์)ก่อน-ชนะก่อน

04 ก.ค. 2560 | 07:02 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮล ดิ้งส์ฯ (ASP) และประธานกรรมการบริหาร ในบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัสฯ อีกตำแหน่ง

ประวัติการทำงานของเขาในวงการตลาดทุนแล้ว ถือว่าก้องเกียรติ เป็นผู้บริหารที่มองการณ์ไกลและไปก่อน หลาย ๆ กรณีนำพาให้กลุ่มเอเซีย พลัส ประสบความสำเร็จอยู่บนท่ามกลางกระแสวิกฤติเศรษฐกิจ แม้กระทั่งวิกฤติตลาดหุ้นที่ซบเซาแทบไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับธุรกิจของกลุ่มนี้

หากจะมองย้อนไปกว่าจะมาถึงวันนี้ของ “ก้องเกียรติ” จากวิศวะบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนไปศึกษาต่อที่ The Wharton School, University of Pennsylvania ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก

[caption id="attachment_172897" align="aligncenter" width="469"] ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ[/caption]

ในตำแหน่งหน้าที่การงาน หลังจบการศึกษาแล้ว เริ่มทำงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธนาคาร ธนาคารกสิกรไทย ในช่วงปี 2527-2531 จากนั้นเข้าร่วมงานกรรมการผู้จัดการ บริษัท แบริ่ง รีเสิร์ชฯ สำนักงานผู้แทน เข้ามาโลดแล่นอยู่ในตลาดทุนหลายปี แล้วขยับขยายตำแหน่งหน้าที่การงานเข้าสู่บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัสฯ แต่ช่วงจังหวะหนึ่ง ในปี 2547-2550 ก้องเกียรติมีโอกาสเข้าไปร่วมงานกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารและกรรมการบริหาร ควบ คู่กับการทุ่มทำงานให้ บล.เอเซียพลัสฯ ตั้งแต่นั้นมาถึงปัจจุบัน

ด้วยวิสัยทัศน์การบริหารงาน ตลอดจนการลงทุน ก้องเกียรติ ได้รับเลือกเป็น The Best CEO และได้รับเลือก เป็น 1 ใน 100 “ผู้นำทางธุรกิจของโลกในอนาคต” จาก World Economic Forum

จากรางวัล การันตีการบริหารงานของ ASP ได้อย่างดี บทพิสูจน์อย่างดียิ่ง ไม่ว่าธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์, ธุรกิจที่ปรึกษาการเงิน-การลงทุน (วาณิชธนกิจ) หรืองานวิเคราะห์-วิจัยการลงทุน ล้วนเป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมนี้ ภายใต้การนำของเขา และจากบทบาทผู้นำธุรกิจที่แข็งแกร่ง จะเห็นว่าก้องเกียรติ มักจะใส่คุณภาพ เป็นตัวปรุงหลัก หลายธุรกิจนํ้าดี ที่ผ่านการคัดกรองจาก บล.เอเซีย พลัสฯ เข้าไปซื้อขายในตลาดหุ้นไทย หากไม่ติดลมบน ก็ไม่ทำให้นักลงทุนขาดทุนจากหุ้นจอง

การมองให้ไกล แล้วนำไปก่อน จึงทำให้ “ก้องเกียรติ & เอเซีย พลัส” สามารถชนะการลงทุนที่มากกว่า 2-3 เท่าตัว ถือว่าการบริหารของเขา มักจะเป็นผู้นำที่ลงมือทำนำไปก่อนค่ายอื่นเสมอๆ ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งการเป็นที่ปรึกษาควบรวมกิจการ หรือ M&A เป็นผลงานอันโดดเด่นของ “ก้องเกียรติ & เอเซีย พลัส” ที่ไม่ตกยุคและใช้ได้ถึงวันนี้, การออกไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษนอกจากก้องเกียรติ จะบุกเบิกลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบอพาร์ตเมนต์ ยังพาเศรษฐีเมืองไทย เงินเหลือใช้หลายคน ออกไปลงทุนด้วย

จากอสังหาริมทรัพย์ มุ่งสู่การลงทุนสตาร์ตอัพ ซึ่งเขาบอกว่า การลงทุนสตาร์ตอัพ ไม่ได้จำกัดเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น หากเห็นโอกาสการลงทุน เช่นที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งเข้าไปปูพรมในธุรกิจไอทีแล้ว ผ่านการลงทุนในกองทุน รวมทั้งการหากิจการดีๆ ขายให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนที่กำไรอู้ฟู่ ในบริษัท เทนเซ็นต์ฯ(TENCENT) บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ที่สุดของประเทศจีน มีมูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) 12 ล้านล้านบาท ปัจจุบันนี้สามารถทำกำไรได้เกือบ 3 เท่าตัวของเงินลงทุน

“โลกธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก สิ่งที่ผมทำล่วงหน้าตลอดชีวิต ทั้ง M&A , งานไอบี, รีเสิร์ช พอร์ตลงทุนในต่างประเทศ เพราะมองเห็นว่าค่าคอมมิสชันซื้อขายหุ้น มีการแข่งขันรุนแรงเกินเหตุ เรา (ASP) ไม่แข่งขันราคา แต่กระจายธุรกิจ สร้างความมั่งคั่งให้ลูกค้าส่วนบุคคล การเป็นคนที่ชอบดูเทรนด์ (แนวโน้ม) ธุรกิจ ทำให้เราได้เปรียบในการทำก่อน ซึ่งในประเทศอังกฤษ 5 ปีก่อนไปดูการลงทุนยกตึกลงทุน ขณะนี้ได้ผลตอบแทนดีมาก ไม่ตํ่ากว่า 50-60% วันนี้หากจะขายได้กำไร 100% ของเงินปอนด์” ก้องเกียรติ ปลื้มอกปลื้มใจ

“ก้องเกียรติ” ยังเป็นอาร์ตตัวพ่อ ที่ชอบสะสมงานศิลปะของศิลปินดัง ทั้งงานปฏิมากรรมและงานเขียนทุกชนิด เป็นรางวัลให้กับชีวิต

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,275 วันที่ 2 - 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560