คนอยากมีบ้านคิดหนัก ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างขึ้นทุกตัว

15 ส.ค. 2565 | 02:41 น.

คนอยากมีบ้านคิดหนัก ดัชนี้ก่อสร้างเดือนก.ค.พุ่ง 6.3%   ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวขึ้นทุกรายการ โดยเฉพาะเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ซีเมนต์ และผลิตภัณฑ์คอนกรีต จากต้นทุนทั้งราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน ค่าบาท อ่อนกระทบต้นทุนการสร้างบ้าน

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนกรกฎาคม 2565 เท่ากับ 120  เทียยบกับเดือนกรกฎาคม 2564 สูงขึ้น6.3 เป็นการสูงขึ้น ในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ซีเมนต์ และผลิตภัณฑ์คอนกรีต ซึ่งเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง

คนอยากมีบ้านคิดหนัก  ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างขึ้นทุกตัว

เนื่องจากต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และค่าเงินบาทอ่อน ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากการใช้วัสดุก่อสร้างในโครงการก่อสร้างภาครัฐ ที่ดำเนินการต่อเนื่องตามแผน แม้ว่าต้นทุนก่อสร้างสูงขึ้น แต่ส่วนใหญ่ ทำสัญญาแบบปรับราคาได้ ซึ่งจะได้รับเงินชดเชยจากการคำนวณค่า K

 

ทั้งนี้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เดือนสิงหาคม 2565 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากต้นทุนวัตถุดิบ (น้ำมัน ถ่านหิน ซีเมนต์ อลูมิเนียม) ต้นทุนการผลิต และค่าขนส่ง ที่ยังอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ประกอบกับฐานราคาเดือนเดียวกันของ ปีก่อนสูงไม่มากนัก จึงส่งผลให้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้หากแยกเป็นรายหมวดพบว่ารายการวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นทุกตัว เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เพิ่มขึ้น4% ซีเมนต์เพิ่มขึ้น 7.7%  ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เพิ่มขึ้น5.5% เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้น9.1% กระเบื้องเพิ่มขึ้น5.6% วัสดุฉาบผิวเพิ่มขึ้น1.3% สุขภัณฑ์เพิ่มขึ้น0.4% อุปกรณ์ไฟฟ้าและปะปา เพิ่มขึ้น3.3% และวัสดุก่อสร้างอื่นๆเพิ่มขึ้น7.2% นอกจากนี้ค่าแรงที่อยู่ระหว่างการพิจาณาปรับขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ดันให้ค่าบ้านมีราคาเพิ่มขึ้นด้วย

 นอกจากนี้ แนวโน้มอุปทานเหล็กโลกยังตึงตัว สะท้อนจาก ปริมาณการผลิตเหล็กดิบโลกเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (มกราคม-มิถุนายน 2565) ที่ปรับตัวลดลง 5.5% และอุปสงค์ ในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการขยายมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ซึ่งมีส่วนทำให้ ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างขยายตัว

อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ยังได้รับแรงกดดันจากความต้องการสินค้าในหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กที่ชะลอตัว ตามอุปสงค์โลกที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเทศจีนจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (ZERO COVID-19) และปัญหาทางการเงินในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อ

ทั้งนี้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้สำรวจความเห็นของกลุ่มตัวอย่างเดียวกับความเหมาะสมในการซื้อบ้านหลังใหม่ พบว่า ความเหมาะสมในการซื้อบ้านหลังใหม่ในปัจจุบันปรับตัวลดลงมา แสดงว่า ผู้บริโภคมีความเห็นว่า ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมในการซื้อบ้านหลังใหม่