พาณิชย์ต่ออายุ SECA ไทย–ออสเตรเลีย เสริมความร่วมมือเศรษฐกิจ โฟกัสดิจิทัล-สุขภาพ-ศก.สีเขียว

30 ธ.ค. 2568 | 11:03 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ธ.ค. 2568 | 11:13 น.

พาณิชย์ลงนามต่ออายุ MoU SECA ไทย–ออสเตรเลีย เสริมความร่วมมือเศรษฐกิจ โฟกัสดิจิทัล สุขภาพ และเศรษฐกิจสีเขียว เพิ่มโอกาสธุรกิจไทยในตลาดสากล

KEY

POINTS

  • กระทรวงพาณิชย์ลงนามต่ออายุบันทึกความเข้าใจว่าด้วยยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (SECA) ระหว่างไทยกับออสเตรเลียออกไปอีก 3 ปี (พ.ศ. 2568-2571)
  • มีเป้าหมายเพื่อกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างสองประเทศให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ต่อยอดจากความตกลง FTA ที่มีอยู่เดิม
  • การต่ออายุครั้งนี้จะมุ่งเน้นความร่วมมือในประเด็นการค้าสมัยใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ เศรษฐกิจดิจิทัล การแพทย์และสุขภาพ และเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ณ กระทรวงพาณิชย์ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงนามหนังสือสำหรับการต่ออายุบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งออสเตรเลียว่าด้วยยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับออสเตรเลีย (Memorandum of Understanding (MoU) on the Strategic Economic Cooperation Arrangement (SECA/เซก้า)) หรือ MoU เซก้า ไปอีก 3 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2571

พร้อมเดินหน้าขยายการค้าการลงทุน ยกระดับผู้ประกอบการไทยให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะประเด็นการค้าใหม่ๆ อาทิ การค้าดิจิทัล การค้ากับสุขภาพ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจสีเขียว

ทั้งนี้เมื่อปี 2565 ไทยและออสเตรเลียได้ลงนาม MoU เซก้าฉบับแรก ณ กรุงเทพมหานคร ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับออสเตรเลีย โดย MoU ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีไทยกับออสเตรเลียสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และตั้งเป้าขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในสาขาที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพและ มีความสนใจร่วมกัน ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือจากFTA ไทย-ออสเตรเลียที่มีอยู่เดิมซึ่งครบ 20 ปีในปีนี้

นางสาวโชติมา กล่าวอีกว่า การต่ออายุ MoU เซก้า ในครั้งนี้ยังคงมุ่งเน้นและสานต่อการกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการใน 8 สาขาหลักที่ทั้งสองฝ่ายเล็งเห็นถึงความสำคัญและต่างก็มีควาเชี่ยวชาญไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือในการยกระดับการเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย การสนับสนุนการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ การพัฒนาหลักสูตรการศึกษาโดยเฉพาะสายอาชีพ และการสร้างมูลค่าเพิ่มในการลงทุนระหว่างกัน

โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

อีกทั้งยังรวมถึงความร่วมมือในประเด็นสมัยใหม่ เช่น การสนับสนุนการค้าเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์และบริการสุขภาพ การค้าและเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว การใช้พลังงานหมุนเวียนและลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ที่จะช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายมีแผนจะหารือในการปรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจจาก 8 สาขาหลักเป็นระยะ เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสการค้าและเศรษฐกิจของโลก

 

สำหรับช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค. 2568) การค้าระหว่างไทยและออสเตรเลีย มีมูลค่า 14,303.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปออสเตรเลีย 9,683.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 6.58 และไทยนำเข้าจากออสเตรเลีย 4,620.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ร้อยละ 2.04 

สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ ก๊าซธรรมชาติ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ และเครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ