net-zero

Green Economy 2026 เครื่องยนต์ใหม่เศรษฐกิจโลก มูลค่าพุ่ง 7 ล้านล้านดอลลาร์

In Brief

  • เศรษฐกิจสีเขียวมีมูลค่าปัจจุบัน 5 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเติบโตเกิน 7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในทศวรรษนี้ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่เติบโตเร็วเป็นอันดับสองของโลกรองจากเทคโนโลยี
  • บริษัทที่มีรายได้จากตลาดสีเขียวมักมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่โดดเด่นกว่า ทั้งในด้านการเติบโตของรายได้ที่เร็วกว่า และได้รับมูลค่าหุ้น (valuation premium) ที่สูงขึ้นในตลาดทุน
  • ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากการลดลงของต้นทุนเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์และแบตเตอรี่ ประกอบกับการลงทุนมหาศาล โดยมีประเทศจีนเป็นผู้นำทั้งด้านการลงทุน นวัตกรรม และการผลิต

ธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมกำลังได้รับประโยชน์จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นภาคส่วนที่เติบโตเร็วเป็นอันดับสองในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รายงานฉบับใหม่ชื่อ Already a Multi-Trillion-Dollar Market: A CEO Guide to Growth in the Green Economy ระบุว่า เศรษฐกิจสีเขียวมีมูลค่าแตะระดับ 5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีแล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกิน 7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในทศวรรษนี้

รายงานดังกล่าวจัดทำร่วมกับ Boston Consulting Group โดยผลการวิจัยชี้ว่า แม้จะเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและบริบทที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค การลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง รายงานจัดให้เศรษฐกิจสีเขียวเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่เติบโตเร็วที่สุดของโลก เป็นรองเพียงภาคเทคโนโลยี และชี้ให้เห็นถึงความได้เปรียบของบริษัทจำนวนมากที่หันมาใช้โซลูชันสีเขียว

เมื่อ 2 ปีก่อน ในรายงาน Winning in Green Markets: Scaling Products for a Net Zero World ของ World Economic Forum เคยระบุว่าการบุกเบิกตลาดสีเขียวเป็นการเดิมพันที่คุ้มค่า และตลาดสีเขียวขนาดใหญ่จะเกิดขึ้นจริงเพื่อพิสูจน์เหตุผลทางธุรกิจ แม้ปัจจุบันการขับเคลื่อนด้านสภาพภูมิอากาศโลกจะเผชิญแรงต้าน รายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสีเขียวไม่ใช่โอกาสที่อยู่ไกลตัว แต่เป็นเครื่องยนต์การเติบโตหลักของทศวรรษนี้แล้ว

งานวิจัยยังพบว่า บริษัทที่มีรายได้จากตลาดสีเขียวมักมีผลการดำเนินงานโดดเด่นในหลายตัวชี้วัดทางการเงิน โดยเฉลี่ยรายได้สีเขียวเติบโตเร็วกว่าไลน์ธุรกิจแบบดั้งเดิมถึง 2 เท่า ขณะเดียวกันต้นทุนเงินทุนของบริษัทที่มีรายได้สีเขียวมักต่ำกว่า บริษัทที่สร้างรายได้มากกว่า 50% จากตลาดสีเขียวมักได้รับส่วนเพิ่มของมูลค่าหุ้น (valuation premium) ประมาณ 12%–15% ในตลาดทุน สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อความยืดหยุ่นและความสามารถทำกำไรในระยะยาว

การลดลงของต้นทุนเทคโนโลยีเป็นแรงเร่งสำคัญของแนวโน้มนี้ แม้โซลูชันในแต่ละตลาดจะพัฒนาเร็วช้าต่างกัน ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ต้นทุนโซลาร์โฟโตโวลตาอิกและแบตเตอรี่ลิเทียมลดลงราว 90% ส่วนพลังงานลมนอกชายฝั่งลดลงประมาณ 50% ทำให้โซลูชันคาร์บอนต่ำมีความสามารถแข่งขันด้านต้นทุนมากขึ้น

รายงานประเมินว่า 55% ของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกที่จำเป็นต่อการลดคาร์บอนสามารถทำได้แล้วด้วยโซลูชันที่มีต้นทุนแข่งขันได้ อีก 20% สามารถจัดการได้ด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และ 5% ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 20% ของเทคโนโลยีการลดคาร์บอนเชิงลึกที่สำคัญซึ่งยังมีต้นทุนสูงมาก และจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายและอุตสาหกรรมโดยเฉพาะเพื่อให้สามารถแข่งขันด้านต้นทุนได้

การลดลงของต้นทุนเหล่านี้เกิดขึ้นควบคู่กับการลงทุนขนาดใหญ่ในพลังงานสะอาด ซึ่งจีนมีบทบาทนำมากขึ้น รายงานระบุว่าในปี 2024 จีนลงทุนในพลังงานสะอาดสูงถึง 6.59 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสัดส่วนมากกว่า 60% ของกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนใหม่ทั่วโลกที่จะเพิ่มขึ้นจนถึงปี 2030 จีนยังเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิบัตรเทคโนโลยีโซลาร์ ยานยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ ซึ่งกำลังปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานโลก และขยับศูนย์กลางนวัตกรรมสีเขียวไปสู่ฝั่งตะวันออก

รายงานนำเสนอกรณีศึกษาจำนวน 14 กรณีจากสมาชิก Alliance of CEO Climate Leaders ของ World Economic Forum แสดงให้เห็นว่าบริษัทผู้บุกเบิกสามารถเปลี่ยนการมีส่วนร่วมในตลาดสีเขียวให้กลายเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างไร

ตอนท้ายรายงานยังสรุปเป็น “คู่มือสำหรับซีอีโอ” ที่อธิบายวิธีที่บริษัทชั้นนำใช้ตัวเร่งการเติบโต เช่น การขยายขนาดเทคโนโลยีจนถึงจุดคุ้มทุน การกำหนดระบบนิเวศด้านกฎระเบียบ และการเปิดทางสู่แหล่งเงินทุนที่หลากหลาย เพื่อคว้าชัยในเศรษฐกิจสีเขียว

มี 3 ประเด็นที่โดดเด่น ได้แก่ ความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสีเขียวที่การลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง แม้กระแสข่าวและความเชื่อมั่นสาธารณะจะเปลี่ยนแปลง ความเป็นผู้นำของจีนด้านการผลิต นวัตกรรม และการใช้งานเทคโนโลยีสีเขียว และโอกาสที่บริษัทในตลาดสีเขียวจะสร้างผลการดำเนินงานเหนือกว่าและได้รับมูลค่าเพิ่มในตลาดทุน