KEY
POINTS
เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วแตะระดับใกล้ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นปัจจัยกดดันภาคการส่งออกไทยในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ส่งมอบสินค้าไปแล้วและกำลังรอรับชำระเงิน ขณะที่การรับคำสั่งซื้อใหม่เริ่มเผชิญความไม่แน่นอนมากขึ้น
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงปลายปีนี้ กระทบผู้ส่งออกในเชิงรายได้ทันที โดยคนที่ขายของไปแล้ว เมื่อถึงเวลารับเงินแล้วต้องแปลงเป็นเงินบาท จะได้เงินน้อยลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะสุดท้ายธุรกิจไทยต้องใช้เงินบาทไปหมุนซื้อวัตถุดิบและชำระต้นทุน
“ผู้ส่งออกจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร ไม่ได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากมีต้นทุนเพิ่ม ทำให้เมื่อเงินบาทแข็งค่า รายได้ในรูปเงินบาทจะลดลงหรือหายไปทันที”
สำหรับผลกระทบต่อการรับคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ใหม่ นายวิศิษฐ์มองว่า ช่วงปลายปีเป็นช่วงที่คู่ค้าหลายประเทศเริ่มหยุดยาว ทำให้ออร์เดอร์ใหม่สำหรับส่งมอบปี 2569 ยังไม่ชัดเจน ออร์เดอร์ใหม่จริง ๆ จะจบในสัปดาห์นี้ ถ้าเปิดปีหน้าแล้วยังแข็งค่าอยู่ จะเริ่มเห็นผลกระทบชัดขึ้น เพราะราคาที่ตกลงไว้ อาจกลายเป็นขาดทุนได้ ทั้งนี้แม้ลูกค้าต่างประเทศจะยังซื้อสินค้าไทยในราคาเดิมที่อ้างอิงดอลลาร์สหรัฐ แต่เงินบาทที่แข็งขึ้นทำให้ความสามารถทำกำไรของผู้ส่งออกลดลง
“เขาซื้อเท่าเดิม แต่เราต้องคิดหนัก เพราะถ้าวันรับเงินบาทยังแข็งแบบนี้ เท่ากับว่าเรารับความเสี่ยงเต็ม ๆ” นายวิศิษฐ์ กล่าว
ในด้านการบริหารเงินตราต่างประเทศ ผู้ส่งออกสามารถพักเงินดอลลาร์ไว้ก่อนการแปลงกลับเป็นเงินบาทได้ช่วงหนึ่ง แต่ในทางปฏิบัติทำได้ยาก เพราะส่วนใหญ่ต้องรีบเอาเงินไปหมุน จ่ายซัพพลายเออร์ จ่ายค่าแพ็กเกจจิ้ง จ่ายหนี้ธนาคาร และอื่น ๆ คนที่จะพักเงินได้นาน ต้องเป็นรายที่เงินเย็นจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทแข็งค่าก็มีด้านบวกต่อการนำเข้า โดยเฉพาะวัตถุดิบ เครื่องจักร และสินค้าทุน ซึ่งมองว่าเป็นจังหวะที่ภาคธุรกิจควรใช้ ช่วงเงินบาทแข็ง เป็นโอกาสชำระเงินขาเข้า ใช้เงินบาทน้อยลง โดยเฉพาะวัตถุดิบและเครื่องจักรที่จำเป็นต่อการผลิต
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอาจไม่ทำให้นักท่องเที่ยวที่วางแผนไว้แล้วชะลอการเดินทาง แต่กระทบกำลังใช้จ่าย โดยยนักท่องเที่ยวยังมาตามเดิม แต่จะใช้จ่ายระมัดระวังมากขึ้น เพราะทุกมื้ออาหาร ทุกการจับจ่าย จะแพงขึ้นในสายตาเขา โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี คาดว่าจะอยู่ราว 30 ล้านคนต้น ๆ โดยผลกระทบหลักจะอยู่ที่รายได้ต่อหัวมากกว่าจำนวนคน ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะถัดไป
นายวิศิษฐ์ยังตั้งข้อสังเกตถึงสาเหตุของการแข็งค่าของเงินบาทว่า ไม่ได้สะท้อนความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่แท้จริง เพราะถ้าเศรษฐกิจดีจริง ค่าเงินแข็งก็พอรับได้ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยไม่ได้เอื้อขนาดนั้น จึงทำให้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งรอบนี้น้อยมาก
ในส่วนบทบาทภาครัฐ ภาคเอกชนคาดหวังให้มีการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทอย่างจริงจัง โดยเฉพาะหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เหลือ 1.25% ต่อปี ช่วยในเชิง sentiment หรือความรู้สึกที่ดีขึ้นระดับหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องส่งผ่านไปถึงต้นทุนดอกเบี้ยจริงของผู้ประกอบการที่แบงก์พาณิชย์ต้องเร่งปรับลดดอกเบี้ยลงตามโดยเร็ว
นายวิศิษฐ์เน้นว่า รัฐควรให้ความสำคัญกับการดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าจนเกินไป เพราะกระทบโดยตรงกับภาคเกษตรและอาหาร ซึ่งเป็นฐานการผลิตที่แท้จริงของประเทศ และเป็นภาคที่คนไทยเป็นเจ้าของมากที่สุด