ส่งออกกุ้งไทยปี 69 ส่อฟื้นตัวแรง รับอานิสงส์สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าอินเดียสูงปรี๊ด! ช่วยเพิ่มขีดแข่งขัน

01 ธ.ค. 2568 | 08:14 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ธ.ค. 2568 | 08:26 น.

สมาคมกุ้งไทยเผยผลผลิตกุ้งไทยปี 68 ทรงตัว แม้อุตสาหกรรมเผชิญฝนตกหนัก โรคระบาด และน้ำท่วมภาคใต้ทำเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท ส่งออกลดลง 6% ฟันธงปี 2569 มีโอกาสฟื้นตัวสูงจากอานิสงส์อินเดียคู่แข่งขัน ถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสูง 50-60% ช่วยเพิ่มขีดแข่งขัน

KEY

POINTS

  • การส่งออกกุ้งไทยในปี 2569 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้ากุ้งจากอินเดียซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ
  • ไทยได้เปรียบด้านการแข่งขันและมีโอกาสทางการตลาดมากขึ้น เพราะเสียภาษีนำเข้าในตลาดสหรัฐฯ เพียง 19% เทียบกับอินเดียที่ต้องเสียภาษีสูงถึง 50-60%
  • สมาคมกุ้งไทยเรียกร้องให้ภาครัฐผลักดันการผลิตกุ้งให้ได้ตามเป้าหมาย 400,000 ตัน เพื่อรองรับโอกาสทางการตลาดที่เปิดกว้างขึ้น

วันที่ 1 ธันวาคม 2568  นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย พร้อมด้วย นายบรรจง นิสภวาณิชย์ ประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย/ที่ปรึกษาสมาคมกุ้งไทย  นายปรีชา สุขเกษม อุปนายกสมาคมกุ้งไทย นางสาวพัชรินทร์  จินดาพรรณ  เลขาธิการสมาคมกุ้งไทย และประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งจันทบุรี จำกัด  นายพิชญพันธุ์ สลิลปราโมทย์ กรรมการบริหารสมาคมกุ้งไทย และประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี และนายอภิชิต  วรกิจ กรรมการบริหารสมาคมกุ้งไทย และประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดระนอง เลขาธิการพันธมิตรผู้เลี้ยงกุ้งไทย ร่วมแถลงภาพรวมอุตสาหกรรมกุ้งโลก และแนวโน้มกุ้งไทย 2569

นายเอกพจน์ เปิดเผยว่า ผลผลิตกุ้งไทยปี 2568 มีปริมาณ 270,000 ตัน เท่ากับปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการผลิตกุ้งไทยในปีนี้มาจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงต้นปีและปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงของเกษตรกร โดยเฉพาะคุณภาพน้ำและโรคระบาด โดยเฉพาะโรคขี้ขาว และโรคตัวแดงดวงขาว เกษตรกรจึงจับกุ้งเร็วกว่ากำหนด รวมถึงมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ที่สร้างความเสียหายรุนแรงในพื้นที่จังหวัดสงขลา สตูล และปัตตานี โดยสัดส่วนผลผลิตหลักมาจากภาคใต้ตอนบน มีสัดส่วน 37% ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอันดามัน 62,000 ตัน คิดเป็น 23%  ภาคตะวันออก 19% ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย 11% และภาคกลาง 10% โดยทุกภาคมีผลผลิตใกล้เคียงกับปีผ่านมา

เอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย

สำหรับภาพรวมการส่งออกกุ้ง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค. 2568 ) มีปริมาณการส่งออก  106,306 ตัน มูลค่า  32,881 ล้านบาท โดยปริมาณและมูลค่าลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากหลายปัจจัยทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลต่อตลาดคู่ค้าสำคัญทั้งญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ตลาดในประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากสถานการณ์การบริโภคกุ้งที่ดีขึ้น โดยขณะนี้สัดส่วนการบริโภคกุ้งในประเทศคิดเป็นประมาณ 15% ของผลผลิตกุ้งทั้งหมด

ขณะที่ราคากุ้งปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดี ผลจากการบริโภคกุ้งในประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ราคากุ้งครึ่งปีแรกสูงขึ้น 10-15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นแรงจูงใจในการลงกุ้งเพิ่ม แต่ในปลายไตรมาส 3 ราคากุ้งอ่อนตัวลงเล็กน้อย 5-10%  เพราะปริมาณฝนมากขึ้นเกษตรกรจึงเร่งจับกุ้งก่อนกำหนด

ส่งออกกุ้งไทยปี 69 ส่อฟื้นตัวแรง รับอานิสงส์สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าอินเดียสูงปรี๊ด! ช่วยเพิ่มขีดแข่งขัน

นายเอกพจน์ กล่าวถึง สถานการณ์ผลผลิตกุ้งโลก ปี 2568 คาดว่าจะมีปริมาณ  5.22 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% โดยประเทศผู้ผลิตหลักเพิ่มขึ้นทุกประเทศ โดยเฉพาะเอกวาดอร์ ผลิต 1.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% ตามด้วย จีน ผลิตได้ 1.34 ล้านตันเพิ่มขึ้น 6% ขณะที่สถานการณ์ผลผลิตกุ้งไทย ปี 2568 มีปริมาณ 270,000 ตันทรงตัวเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา 

“ส่วนผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ สงขลา พัทลุง และปัตตานี ทางสมาคมอยู่ระหว่างการประเมินคาดการเบื้องต้นว่ามีความเสียหายจากการสูญเสียกุ้งในบ่อประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยปริมาณผลผลิตจากพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของผลผลิตทั้งหมด”

นอกจากความเสียหายต่อผลผลิตกุ้งในบ่อแล้ว ยังมีความเสียหายของเครื่องตีน้ำและอุปกรณ์ต่างๆ ในฟาร์ม ซึ่งอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงพลังงาน ในการจัดงบประมาณเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรในการซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ภาคใต้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้สามารถกลับมาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ทันในครอปหน้า

ขณะที่ในปี 2569 เป็นปีที่มีความสำคัญ เพราะถือเป็นจุดพลิกฟื้นอุตสาหกรรม มีปัจจัยที่เอื้อให้กุ้งไทยมีโอกาสทางการตลาด โดยเฉพาะอัตราภาษีตอบโต้ หรือ Reciprocal ในตลาดส่งออกหลักอย่างสหรัฐ ที่ปรับขึ้นอัตราภาษีการนำเข้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงมาตรการภาษี AD, CVD ซึ่งทำให้อินเดียซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง แต่ต้องเสียภาษีรวมสูงถึง 50-60% เทียบกับไทยที่มีอัตราภาษีเพียง 19% ซึ่งจะทำให้ไทยมีความสามารถในการแข่งขันด้านราคามากขึ้น

สมาคมฯ ขอเสนอให้ภาครัฐเร่งผลักดันการแก้ปัญหาการผลิตกุ้ง ให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อเพิ่มผลผลิตกุ้งคุณภาพให้ได้ตามเป้า 400,000 ตัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ห้องเย็นในการรับออร์เดอร์ เร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับประเทศนำเข้ากุ้ง ได้แก่ สหภาพยุโรป อังกฤษ และเกาหลีใต้ พร้อมทั้งยกระดับการฟาร์มกุ้งให้สามารถปรับตัวเข้าสู่การรับรองมาตรฐานสากลที่ตลาดต้องการ รวมถึงการดำเนินโครงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบโจทย์ตลาดโลกที่ให้ความสำคัญเรื่องการสร้างความยั่งยืนมากขึ้น

“ฝากไปถึงพรรคการเมืองที่จะเสนอตัวเป็นรัฐบาลในสมัยหน้า ต้องมีการกำหนดนโยบายภาคการเกษตร โดยเฉพาะการส่งเสริมอุตสาหกรรมกุ้ง ให้กลับมามีความเข้มแข็ง และพ้นจากหล่มผลผลิต 270,000 ตัน ให้ได้เพราะที่ผ่านมาไทยติดอยู่กับปัญหาโรคกุ้ง จนเสียโอกาสไปมากแล้ว ปี 2569 เป็นปีที่ตลาดเปิดเต็มที่ แต่เราต้องผลิตกุ้งให้ได้ เพื่อคว้าโอกาสทางการตลาดนี้กลับมา” นายเอกพจน์ กล่าว