เงินเฟ้อ ต.ค.68 ติดลบต่อเนื่อง 7 เดือน ลด 0.76% จากมาตรการค่าครองชีพ-พลังงาน

05 พ.ย. 2568 | 05:03 น.
อัปเดตล่าสุด :05 พ.ย. 2568 | 05:08 น.

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า แถลง เงินเฟ้อ ต.ค.68 ติดลบ 0.76% ต่อเนื่อง 7 เดือน จากมาตรการกดค่าครองชีพ–พลังงานลด ผลผลิตอาหารสดเพิ่ม หนุนค่าครองชีพชะลอ กระทรวงพาณิชย์คงคาดการณ์เงินเฟ้อปี 68 = 0%

วันนี้ (5 พฤศจิกายน 2567) นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนตุลาคม 2568 ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เท่ากับ 100.00 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งเท่ากับ 100.77 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงร้อยละ 0.76 และเป็นการติดลบต่อเนื่อง 7 เดือน โดยปัจจัยหลักมาจากมาตรการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนของภาครัฐ ผ่านโครงการ Quick Big Win และสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก ส่งผลให้ราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานลดลง 
ทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง 

นอกจากนี้ มีสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งของใช้ส่วนบุคคล จากการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนกันยายน 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ของไทยลดลงร้อยละ 0.72 โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 6 จาก 140 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน สิงคโปร์ ติมอร์-เลสเต มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม สปป.ลาว) 

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้นร้อยละ 0.61 ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนกันยายน 2568 ที่สูงขึ้นร้อยละ 0.65 

ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนตุลาคม 2568 เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2568 ลดลงร้อยละ 0.11 ตามการลดลงของหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 0.14 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง (แก๊สโซฮอล์ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน) ตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก 

ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายบรรเทาภาระค่าครองชีพด้านพลังงานผ่านโครงการ Quick Big Win ค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษ จากการยกเว้นค่าผ่านทางฯ ในวันหยุดราชการประจำปีเพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ของใช้ส่วนบุคคลบางชนิด (น้ำยาระงับกลิ่นกาย โฟมล้างหน้า ผ้าอนามัย) และเสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษ เสื้อยกทรง เสื้อยืดเด็ก) จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ 

อย่างไรก็ตาม มีสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น อาทิ สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (ค่าบริการขนขยะ น้ำยาถูพื้น น้ำยารีดผ้า น้ำยาล้างห้องน้ำ) และของใช้ส่วนบุคคลบางชนิด (แชมพู กระดาษชำระ ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว) และหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลงร้อยละ 0.05 จากสินค้าสำคัญที่ราคาปรับลดลง อาทิ เนื้อสัตว์ (เนื้อสุกร ไก่สด) ไข่ไก่ และผลไม้สด (ส้มเขียวหวาน องุ่น กล้วยหอม) เนื่องจากปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น อาหารโทรสั่ง (Delivery) จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ขณะที่มีสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น อาทิ ข้าวสารเจ้า และผักสด (ต้นหอม ผักคะน้า ผักชี กะหล่ำปลี มะนาว) 

อย่างไรก็ตามดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เฉลี่ย 10 เดือน (มกราคม - ตุลาคม) ของปี 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ลดลงร้อยละ 0.09 โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่ 

(1) ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มประเทศโอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายบรรเทาภาระค่าครองชีพผ่านโครงการ Quick Big Win ส่งผลให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (OFFO) ปรับลดอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนฯ และทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลดลงมาอยู่ที่ 30.94 บาทต่อลิตร 

(2) ภาครัฐดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ
การปรับลดค่า Ft งวดเดือนกันยายน - ธันวาคม 2568 มาอยู่ที่ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่ากระแสไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย 

(3) ราคาผักสดและผลไม้สดต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก รวมทั้งฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับสูง  

(4) ผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับลดราคาห้องพัก เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐ (ณ วันที่ 21 ต.ค. 2568) โดยเฉพาะมาตรการหักลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวภายในประเทศสูงสุด 20,000 บาท 

สำหรับปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ 

(1) การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวมีแนวโน้มทำให้ค่าโดยสารเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้น 

(2) ราคาสินค้าเกษตรและเครื่องประกอบอาหารบางชนิดมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น กะทิสำเร็จรูป กาแฟสำเร็จรูป เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น 

ด้วยปัจจัยดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 อยู่ที่ร้อยละ 0.0