กรมพัฒน์ เตือนนักบัญชีอย่าสนับสนุน “นอมินี–บัญชีม้า” ชี้เป็นความผิดตามกฎหมาย

15 พ.ย. 2568 | 08:17 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2568 | 08:26 น.

กรมพัฒนาธุรกิจฯ เตือนนักบัญชีและสำนักงานบัญชีระวังให้ความช่วยเหลือผู้กระทำผิดในการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อใช้เป็นบัญชีม้า หรือใช้คนไทยเป็น นอมินี ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย เตรียมจัดมหกรรม “รวมพลังนักบัญชีรู้ทันธุรกิจผิดกฎหมาย” เสริมความรู้ ป้องกันตกเป็นเครื่องมือ

KEY

POINTS

  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเตือนสำนักงานบัญชีและนักบัญชีไม่ให้มีส่วนร่วมหรือช่วยเหลือในการจดทะเบียนนิติบุคคลที่ผิดกฎหมาย เช่น การใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (นอมินี) หรือการเปิดบัญชีม้า
  • ชี้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับสูงถึง 1,000,000 บาท
  • กรมพัฒน์เตรียมจัดอบรมให้ความรู้แก่นักบัญชีในหัวข้อ "เสริมภูมินักบัญชีไทย รู้ทันธุรกิจผิดกฎหมาย" เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจดทะเบียนนิติบุคคลกว่าร้อยละ 90 ดำเนินการโดยสำนักงานบัญชีและนักบัญชีที่ส่วนใหญ่มีการให้บริการรับจดทะเบียนนิติบุคคลควบคู่ไปกับการให้บริการทำบัญชี

ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้สำนักงานบัญชีและผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีตกเป็นเหยื่อ หรือมีส่วนร่วมให้ความช่วยเหลือในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลที่ผิดกฎหมาย กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงขอความร่วมมือสำนักงานบัญชีและผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี โดยการให้บริการด้านการจดทะเบียนนิติบุคคลที่เอื้อประโยชน์ หรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือให้ความช่วยเหลือ หรือให้บริการจดทะเบียนนิติบุคคลโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (นอมินี) หรือการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล หรือการจดทะเบียนนิติบุคคลโดยทุจริตต่างๆ

รวมทั้งให้บริการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ใช้สถานที่ตั้งนิติบุคคลที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง เจ้าบ้านไม่อนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงาน การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตามกฎหมาย 

ทั้งนี้หากกรมฯ ตรวจสอบพบว่าสำนักงานบัญชีหรือนักบัญชีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือรู้เห็นกับการกระทำความผิดตามที่กล่าวมา สำนักงานบัญชีและนักบัญชีอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 ประกอบข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีว่าด้วยจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2561

พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

รวมทั้งความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ. 2542 ตามมาตรา 36 กรณีคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนคนต่างด้าวให้กระทำความผิด และมาตรา 37 กรณีคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 - 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ต้องระวางโทษปรับรายวัน วันละ 10,000 - 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน เป็นต้น

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวอีกว่า กรมฯ ขอแจ้งเตือนไปยังสำนักงานบัญชีและผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้กระทำผิด ให้หยุดการกระทำดังกล่าว และเน้นย้ำให้สำนักงานบัญชีและผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีระมัดระวังไม่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวเหล่านั้นเข้ามาประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย หากตรวจสอบพบการกระทำผิดก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป

ทั้งนี้ กรมฯ ได้กำหนดแนวทางในการป้องกันธุรกิจผิดกฎหมาย โดยมีกำหนดจัดโครงการอบรม ‘เสริมภูมินักบัญชีไทย รู้ทันธุรกิจผิดกฎหมาย (Professional skepticism of illegal businesses)’ ภายใต้มหกรรมรวมพลังนักบัญชีรู้ทันธุรกิจผิดกฎหมาย ในวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อเสริมสร้างให้ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี และสำนักงานบัญชีรู้เท่าทันการประกอบธุรกิจของนิติบุคคลที่มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงหรือประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน

ตลอดจนมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และการค้าระหว่างประเทศ โดยมีรูปแบบหรือพฤติกรรม การกระทำที่อาศัยนิติบุคคลซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นช่องทางหรือเครื่องมือในการกระทำความผิด

ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการและผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีต้องตกเป็นเครื่องมือของนิติบุคคลที่มีพฤติกรรมในรูปแบบดังกล่าว โดยภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ การเสวนา เรื่อง ถอดบทเรียนนอมินีในประเทศไทย การอบรมให้ความรู้เรื่อง ‘แกะเงื่อนงบฯ พบปมทุจริต’ โดย ผศ.สมชาย ศุภธาดา ผู้เชี่ยวชาญด้านการบัญชีนิติวิทยา การอบรมให้องค์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายผู้ทำบัญชีฉบับใหม่ และองค์ความรู้เรื่องนอมินีสำหรับนักบัญชี รวมทั้ง การออกบูธเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ” 

“ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568) ประเทศไทยมีผู้ทำบัญชีจำนวนทั้งสิ้น 78,661 คน โดย 5 อันดับจังหวัดที่มีผู้ทำบัญชีมากที่สุด ได้แก่ 1) กรุงเทพฯ 29,222 คน 2) นนทบุรี 5,216 คน 3) สมุทรปราการ 4,807 คน 4) ปทุมธานี 3,144 คน และ 5) ชลบุรี 3,185 คน คิดเป็นกว่าร้อยละ 57.94 ของผู้ทำบัญชีทั่วประเทศ และมีสำนักงานบัญชีที่จดทะเบียนนิติบุคคลทั่วประเทศ 4,186 ราย โดย 5 อันดับจังหวัดที่มีสำนักงานบัญชีมากที่สุด ได้แก่ 1) กรุงเทพฯ 2,045 ราย 2) นนทบุรี 269 ราย 3) สมุทรปราการ 201 ราย 4) ชลบุรี 170 ราย และ 5) ปทุมธานี 155 ราย คิดเป็นกว่าร้อยละ 67.85 ของสำนักงานบัญชีทั่วประเทศ” นายพูนพงษ์ กล่าว