รื้อถอนเครือข่าย 'ฮุน เซน คอนเนกชัน' เผด็จศึกทุนเทาฝังรากกัมพูชา

14 พ.ย. 2568 | 08:19 น.
อัปเดตล่าสุด :14 พ.ย. 2568 | 08:56 น.

เจาะลึกปฏิบัติการ เผด็จศึกทุนเทาข้ามชาติที่ฝังรากลึกในกัมพูชา ทลาย 'กระเป๋าเงิน' และเครือข่ายอำนาจที่ผูกติดกับ 'สมเด็จฮุน เซน'

KEY

POINTS

  • เปิดโปงเครือข่าย "ฮุน เซน คอนเนกชัน" ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลในกัมพูชาที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมเด็จฮุน เซน และถูกระบุว่าเป็นผู้ค้ำยันองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน และการค้ามนุษย์
  • รัฐบาลไทยดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อทลายเครือข่าย โดยเพิกถอนสัญชาติไทยและอายัดทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลของบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้อง เช่น พัด สุภาภา (ออกญา ลี ยงพัด) และเครือข่ายของก๊อกอัน
  • ปฏิบัติการปราบปรามทุนเทานี้เป็นความร่วมมือระดับนานาชาติ โดยมีสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการคว่ำบาตรและนานาชาติร่วมยึดทรัพย์สิน เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงและสร้างแรงกดดันต่อกัมพูชา

ในขณะที่รัฐบาลไทยประกาศให้การปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์เป็น "วาระแห่งชาติ" ปฏิบัติการกวาดล้างที่เกิดขึ้นมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่การจับกุมมิจฉาชีพรายย่อย แต่คือการ ทุบทำลายจักรวรรดิทุนเทา ที่หยั่งรากลึกในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา

โดยมีชนชั้นนำระดับสูงและผู้มีอิทธิพลทางการเมืองเป็น "ผู้ค้ำยัน" องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้

ปฏิบัติการร่วมกันระหว่างหน่วยงานความมั่นคงไทยและมาตรการคว่ำบาตรที่ดุดันจากสหรัฐอเมริกา ได้ฉายภาพอันน่าสะพรึงกลัวของ เครือข่ายอำนาจกัมพูชา ที่ใช้สถานะทางการเมือง ธุรกิจถูกกฎหมาย และอิทธิพลในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวพันกับการฟอกเงิน ฉ้อโกง ค้ามนุษย์ และเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายแสนล้าน

รัฐบาลไทยโดย "อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี" ได้ประกาศจุดยืนที่แข็งกร้าวด้วยนโยบาย “ไม่มีข้อยกเว้น–ไม่มีเคลียร์” แม้จะมีผู้มีอิทธิพลระดับสูงเกี่ยวข้อง

อาณาจักรอาชญากรรม ธุรกิจหลอกลวงที่สร้างขึ้นบนเลือดและน้ำตา

อาณาจักรอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชาไม่ได้เป็นเพียงการหลอกลวงทางการเงิน แต่คือ ระบบการค้ามนุษย์ยุคใหม่ ที่โหดเหี้ยม

ศูนย์ปฏิบัติการหลอกลวงเหล่านี้ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 400 แห่งทั่วกัมพูชา ได้ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “Pig Butchering Scam” หรือกลลวงแบบเชือดหมู โดยผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ถูกหลอกมาทำงาน ถูกยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์

รายงานจากสื่อเกาหลีใต้เปิดเผยรายละเอียดการทรมานอันน่าตกใจ ทั้งการ ถอนเล็บ การตัดนิ้ว และการใช้ความรุนแรงในหลายรูปแบบ ผู้เคราะห์ร้ายถูกทำร้ายร่างกายด้วยการ ช็อตไฟฟ้า หากไม่สามารถทำผลงานตามเป้าหมายได้

ความโหดร้ายนี้รุนแรงถึงขั้นมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากการถูกทำร้ายเฉลี่ยวันละหนึ่งคน และมีผู้เคราะห์ร้าย 2 รายที่ กระโดดลงจากอาคารจนเสียชีวิต ในรีสอร์ทที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการ นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการ บังคับขายอวัยวะ โดยอาจเริ่มจากดวงตา

เจาะลึกเสาหลักแห่งอำนาจ เครือข่ายที่ผูกพันสมเด็จฮุน เซน

ฐานเศรษฐกิจ เจาะลึกความสัมพันธ์ที่มีความเชื่อมโยงเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชามีความเชื่อมโยงกับบุคคลผู้ทรงอิทธิพล 3 กลุ่มหลัก ที่มีสถานะทางการเมืองสูงและมีความสัมพันธ์โดยตรงหรือโดยอ้อมกับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรี

1. ออกญา ลี ยงพัด (พัด สุภาภา): "กระเป๋าเงิน" ของฮุน เซน

นายพัด สุภาภา เป็นวุฒิสมาชิกกัมพูชา และได้รับบรรดาศักดิ์ "ออกญา" ซึ่งเป็นเครื่องราชย์สูงสุด งานวิจัยระบุอย่างชัดเจนว่า พัด สุภาภา คือ "กระเป๋าเงิน" (Money Bag) ของสมเด็จฮุน เซน

ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นจากการที่เขาสนับสนุนฮุน เซน ในการแข่งขันทางการเมืองที่จังหวัดเกาะกงจนได้รับชัยชนะ นอกจากนี้ เขายังเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนตัวของฮุน เซนด้วย

เขาเป็นเจ้าของ แอลวายพีกรุป (L.Y.P. Group) ซึ่งมีธุรกิจครอบคลุมหลายด้าน โอเสม็ดรีสอร์ท (O-Smach Resort) ซึ่งอยู่ในเครือ L.Y.P. Group ถูกกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่าถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการในการ บังคับใช้แรงงาน และค้ามนุษย์ในธุรกิจหลอกลวงออนไลน์

2. ออกญา ก๊อกอัน (KOK AN): ขุนศึกกาสิโนปอยเปต

นายก๊อกอัน คือหนึ่งใน 10 มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยและทรงอิทธิพลที่สุดในกัมพูชา และดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกภายใต้พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) เขามี ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นเป็นพิเศษ กับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งความใกล้ชิดนี้เองทำให้อาณาจักร Anco Group ของเขาได้รับอภิสิทธิ์ทางกฎหมายและนโยบาย

เครือข่ายของนายก๊อกอันเชื่อมโยงกับ ลียง พัด (พัด สุภาภา) ผ่านการสมรสของบุตรชายและบุตรสาวของทั้งสองตระกูล

Crown Casino Resort ในปอยเปต ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของ Anco Group ถูกกล่าวหาว่าเป็น "ศูนย์บัญชาการ" ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติที่พัวพันกับการค้ามนุษย์และการฟอกเงิน

3. ยิม เลียก (Yim Leak): บุตรเขยสายอำนาจ

นายยิม เลียก ประธานกลุ่ม BIC Group ได้รับการแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษาของสมเด็จฮุน เซน โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน

ความเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ทางเครือญาติ เนื่องจากพี่สาวของเขา คือ ยิม ไช ลิน ได้สมรสกับ ฮุน มานี บุตรชายคนที่ 4 ของสมเด็จฮุน เซน ทำให้เขาอยู่ใน "ครอบครัวขยาย" ของตระกูลผู้นำ

BIC Group และ BIC Bank Cambodia ถูกพาดพิงว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ และสหรัฐฯ อาจพิจารณาใช้มาตรการคว่ำบาตรในฐานะส่วนหนึ่งของ "ฮุน เซน คอนเนกชัน" ซึ่งเป็นภาคต่อของปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์

ตัวละครเสริมที่ถูกกวาดล้างในกัมพูชา

เฉิน จื้อ (Chen Zhi) ประธานและผู้ก่อตั้ง Prince Group ในกัมพูชา องค์กรนี้ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่าเป็น "องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ" ที่ใช้ค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชาเพื่อทำการหลอกลวง "Pig Butchering Scam"

เฉิน จื้อ ยังถูกกล่าวหาว่า ติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐกัมพูชา ด้วยเรือยอชต์มูลค่า 3 ล้านดอลลาร์ และเครือข่ายของเขาถูกยึดทรัพย์ Bitcoin ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ มูลค่ากว่า 4.87 แสนล้านบาท

ขณะที่กลุ่มบริษัท Prince Holding Group ของกัมพูชา ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เฉิน จื้อ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ มีส่วนร่วมในธุรกิจหลอกลวงออนไลน์ข้ามชาติ โดยระบุว่าข้อกล่าวหาดังกล่าว "ไม่มีมูลความจริง" และมุ่งเป้าไปที่การยึดทรัพย์สินอย่างผิดกฎหมาย

ปฏิบัติการกวาดล้าง-ตรวจสอบ-ลงโทษในระดับโลก

การเปิดโปงเครือข่ายเหล่านี้ นำไปสู่การดำเนินการที่เข้มข้นทั้งในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ เพื่อ ตัดท่อน้ำเลี้ยง และทำลายโครงสร้างอำนาจของอาชญากรรมข้ามชาติ

การตรวจสอบและการลงโทษจากประเทศไทย (วาระแห่งชาติ)

รัฐบาลไทยได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดภายใต้การกำกับดูแลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี:

1. การถอนสัญชาติ พัด สุภาภา: นายอนุทินลงนามในประกาศถอนสัญชาติไทยของ พัด สุภาภา อย่างเป็นทางการ โดยให้เหตุผลว่าเขามีพฤติการณ์ที่เชื่อมโยงกับการฟอกเงิน ฉ้อโกง ค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่ง กระทบต่อความมั่นคงของชาติและขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน

2. การอายัดทรัพย์สินเครือข่าย พัด สุภาภา: สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินของนายพัดในประเทศไทยไปแล้วประมาณ 70 ล้านบาท และขยายผลยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในเครือข่ายของเขากับพวกและครอบครัว เพิ่มเติมอีก 350 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกยึดแล้วกว่า 400 ล้านบาท เพื่อตัดเส้นทางการเงินของสแกมเมอร์

3. การเพิกถอนสัญชาติบุตร ก๊อกอัน: กรมการปกครองได้ดำเนินการ ยกเลิกสูติบัตร ของบุตรนายก๊อกอัน 3 คน ได้แก่ น.ส.จุรี, น.ส.ภูเฌอหลิน, และนายกิตติศักดิ์ คล่องกิจกล โดยให้ถือว่า ไม่เคยมีสัญชาติไทยตั้งแต่ต้น เนื่องจากพวกเขาได้สัญชาติไทยมาโดย การแจ้งการเกิดโดยทุจริต และแอบอ้างบิดามารดาชาวไทยที่อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด

4. การอายัดทรัพย์สินเครือข่าย ก๊อกอัน: ศาลอาญาได้ออกหมายจับนายก๊อกอัน ในข้อหามีส่วนร่วมใน องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และการฟอกเงิน ปปง. และตำรวจไซเบอร์ได้อายัดทรัพย์สินในเครือข่ายของเขาในประเทศไทย รวมมูลค่ากว่า 1.1 พันล้านบาท บุตรทั้งสามคนใช้สถานะพลเมืองไทยที่ได้มาอย่างมิชอบเพื่อ จดทะเบียนบริษัท (เช่น ธุรกิจจัดหางาน อสังหาริมทรัพย์ ร้านอาหาร) และถือครองทรัพย์สินในไทย

การตรวจสอบและมาตรการกดดันจากต่างประเทศ

ปฏิบัติการของไทยสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวระดับโลก ที่มุ่งเป้าทำลายเครือข่ายอาชญากรรมในภูมิภาค

แรงกดดันจากสหรัฐฯ: สหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตร ลียง พัด และ L.Y.P. Group และดำเนินคดีกับ เฉิน จื้อ ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลัง Pig Butchering Scam การดำเนินการนี้เป็นการส่งสัญญาณไปยังบุคคลและนิติบุคคลอเมริกันให้ยุติการทำธุรกรรมกับผู้ที่ถูกคว่ำบาตร

การยึดทรัพย์สินระดับโลก: หลายประเทศเข้าร่วมในการไล่ล่าทรัพย์สินของอาชญากร เช่น สหรัฐฯ ริบ Bitcoin มูลค่า 4.87 แสนล้านบาท สิงคโปร์ยึดทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ เรือยอชต์ และรถหรู 150 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และไต้หวันยึดทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกับ Prince Group มูลค่ากว่า 5.4 พันล้านบาท

การทูตกดดันผ่านเกาหลีใต้: รัฐบาลไทยใช้การเจรจาทางการทูต โดยนายอนุทินได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และขอความร่วมมือให้เกาหลีใต้ช่วย กดดันกัมพูชา ให้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นไปตามที่เกาหลีใต้ได้ส่งคณะทำงานพิเศษไปกัมพูชา และตอบโต้ด้วยการ ชะลอโครงการความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา (ODA) ด้านการจัดการน้ำในกัมพูชาแบบไม่มีกำหนด

ชัยชนะบนเวทีโลก (IPU): รัฐสภาไทยประสบความสำเร็จอย่างมากในการผลักดันญัตติปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ สแกมเมอร์ และอาชญากรรมองค์กร จนได้รับการบรรจุเป็น "วาระเร่งด่วน" ในการประชุมสหภาพรัฐสภาโลก (IPU) ด้วยคะแนนสนับสนุนท่วมท้น 850 เสียง ทว่า กัมพูชาได้แสดงท่าทีสนับสนุนก่อนหน้า แต่กลับไม่เข้าร่วมประชุมและไม่ยอมลงคะแนนจริง ซึ่งถูกตีความว่าเป็นการกระทำที่ไม่อยากให้ญัตติผ่าน เพราะจะทำให้ประเทศถูกเพ่งเล็งในฐานะแหล่งรวมอาชญากรรม

คำสั่งจากรัฐบาลกัมพูชา: นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต (บุตรชายของฮุน เซน) ได้ลงนามในคำสั่ง 9 ข้อ ให้ทุกหน่วยงานของกัมพูชาเร่งกวาดล้างกิจกรรมฉ้อโกงออนไลน์ภายในพื้นที่ของตน รวมถึงกำชับให้คณะกรรมการบริหารกาสิโนเชิงพาณิชย์เพิ่มการกำกับดูแลกาสิโนเพื่อป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์ การลักพาตัว ทรมาน และการค้ามนุษย์

การรุกคืบของไทยและแรงกดดันจากนานาชาติ เปรียบเสมือนการ เจาะทะลุเกราะป้องกัน ที่รัฐบาลกัมพูชาเคยให้กับเครือข่ายทุนเทาเหล่านี้ เมื่อเกราะคุ้มครองเริ่มแตก อาชญากรข้ามชาติจึงถูกตัดเส้นทางการเงินและถูกเพิกถอนสถานะพลเมืองที่ใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินในที่สุด