‘อุตฯอิเล็กทรอนิกส์’ ไม่ขยายอายุเกษียณ เปิดทางคนรุ่นใหม่ทำงาน ทันเทคโนโลยี

12 พ.ย. 2568 | 06:55 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ย. 2568 | 07:08 น.

สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกสำคัญของไทย สร้างรายได้กว่า 1.73 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา และมีแรงงานทักษะสูงจำนวนมากที่ต้องพัฒนา Upskill–Reskill อย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

KEY

POINTS

  • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่จะไม่ขยายอายุเกษียณตามแนวทางของภาครัฐ เพื่อรักษาความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ
  • การคงอายุเกษียณเดิมเป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีทักษะและเรียนรู้เทคโนโลยีได้รวดเร็วเข้ามาทำงานในอุตสาหกรรม
  • สำหรับพนักงานที่มีศักยภาพ บริษัทอาจพิจารณาทำสัญญาจ้างเป็นรายปีหลังเกษียณอายุ แทนการขยายอายุแบบถาวร

สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกสำคัญของไทย สร้างรายได้กว่า 1.73 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา และมีแรงงานทักษะสูงจำนวนมากที่ต้องพัฒนา Upskill–Reskill อย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังศึกษาแนวทางขยายอายุเกษียณข้าราชการจาก 60 เป็น 65 ปี เพื่อรักษากำลังแรงงานคุณภาพและรองรับสังคมสูงวัย “ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์ ดร.สัมพันธ์ ศิลปนาฎ นายกสมาคมนายจ้างอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ เพื่อฟังมุมมองภาคเอกชนต่อประเด็นนี้ รวมถึงทิศทางของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยในอนาคต

ดร.สัมพันธ์ กล่าวว่า โดยปกติแล้วอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่กำหนดอายุการเกษียณไว้ 2 แบบ คือ เกษียณอายุที่ 55 ปี หรือ 60 ปี ขณะที่บางแห่งไม่มีประกาศอายุเกษียณ แต่หากพนักงานต้องการจะลาออกหลังอายุ 60 ปี ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินชดเชยตามกฎหมาย สรุปในภาพรวมการเกษียณอายุในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์น่าจะเป็น 60 ปีมากที่สุด แต่มีบางที่ที่เกษียณอายุที่ 55 ปีอยู่บ้าง และบางที่ก็ไม่กำหนดอายุเกษียณ

ดร.สัมพันธ์ ศิลปนาฎ นายกสมาคมนายจ้างอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์

แรงงานในอุตสาหกรรมกว่าล้านคน

สำหรับแรงงานในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ประเมินตัวเลขไว้เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการจ้างงานอยู่ประมาณ 800,000 คน ซึ่งหากนับรวมซัพพลายเออร์ที่เกี่ยวเนื่องตลอดห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนประเมินไว้ว่าจะมีประมาณล้านกว่าคน ขณะเดียวกันมีโรงงานบางแห่งใช้แรงงาน Outsource (แรงงานจ้างเหมาจากบริษัทภายนอก) ซึ่งในส่วนนี้คาดจะมีจำนวน 10-20% ของภาพรวม ซึ่งถือว่ามีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ

“แรงงาน Outsource ส่วนใหญ่มี 2 แบบ คือ มีบริษัทภายนอกจัดหาให้ กับบริษัทบริหารจัดการเอง ปัจจุบันอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีปัญหาเรื่องขาดคนทั้งในเชิงของปริมาณและจำนวน เพราะอิเล็กทรอนิกส์ไทยถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับท็อปของอุตสาหกรรมในประเทศไทย ยังมีคนอยากทำงาน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มหน้างาน หรือกลุ่มพนักงานระดับออฟฟิศ หรือบริหาร”

ไม่ขยายอายุเกษียณตามรัฐ

ต่อคำถาม หากรัฐบาลขยายอายุเกษียณราชการเป็น 65 ปี ทางภาคเอกชนเห็นว่าควรปรับอายุเกษียณตามด้วยหรือไม่ ดร.สัมพันธ์ กล่าวโดยเชื่อว่าบริษัทส่วนใหญ่จะยังคงยึดกฎเดิมมากกว่า เพื่อต้องการรักษาความยืดหยุ่น และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีทักษะ และเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีได้เร็วเข้ามาทำงานมากขึ้น อีกทั้งหลายบริษัทเลือกแนวทางให้พนักงานที่มีศักยภาพทำสัญญารายปีแทนการเกษียณอายุถาวร ซึ่งเป็น Win-Win ทั้งสองฝ่าย

‘อุตฯอิเล็กทรอนิกส์’ ไม่ขยายอายุเกษียณ เปิดทางคนรุ่นใหม่ทำงาน ทันเทคโนโลยี

“ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องเทคโนโลยี และเทรนด์ของโลกทำให้หลายบริษัทคิดเผื่อเรื่องการรักษาความยืดหยุ่นเอาไว้ ผมคิดว่าในอนาคตมีแนวโน้มที่หลาย ๆ บริษัทอาจจะปลดเรื่องอายุออกไปเลย หรือบางบริษัทอาจจะคงตามกฎหมายเดิม

แต่ในภาพรวมหลายบริษัทคงไม่ปรับอายุเกษียณที่ 65 หรือ 70 ปีตามที่เป็นกระแส เพราะเชื่อว่าพนักงานบางกลุ่มก็อยากได้เงินชดเชยเร็ว คงไม่อยากรอไปอีก 5 ปี 10 ปี และหลายคนก็คิดว่าอิ่มตัวแล้ว ก็อยากจะไปใช้ชีวิตกับครอบครัว แต่ถ้าบริษัทต้องการคน ๆ นั้นให้อยู่ต่อ เขาก็สามารถทำสัญญาขึ้นมาใหม่ได้ เช่น ปีต่อปี ซึ่งเป็นแบบ Win-Win ระหว่างพนักงานกับบริษัท”

เพิ่มโอกาสคนรุ่นใหม่ทำงาน

นอกจากนี้เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้าทำงานด้วย เพราะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีของโลก และในช่วงหลัง ๆ พบว่า คนที่อายุมากอาจจะขาดความยืดหยุ่นในการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ อุตสาหกรรมจึงต้องการคนใหม่ ๆ เข้ามาร่วมงาน ดังนั้นเรื่องการขยายอายุจึงมองว่าจะมีจำนวนไม่มาก บริษัทจะคุยเป็นรายบุคคลมากกว่า

 อย่างไรก็ดี ดร.สัมพันธ์มองว่า การที่ภาคราชการจะขยายอายุการเกษียณออกไปเป็น 65 ปีเป็นเรื่องที่ดีต่อประเทศ เพราะช่วยให้คนสูงอายุมีงานทำและยังมีรายได้ ช่วยลดภาระสังคม และสอดคล้องกับโครงสร้างประชากรไทยที่เข้าสู่สังคมสูงวัยแล้วกว่า 20% ของจำนวนประชากร มองว่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย

ลงทุน-ส่งออกโตต่อเนื่อง

ดร.สัมพันธ์ กล่าวถึงสถานการณ์สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ของไทยว่า (ยอดส่งออกยังแข็งแรงอยู่ ปี 2567 ส่งออก 1.73 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน และช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 ส่งออก 7.33 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) ทั้งนี้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไทยอยู่ในส่วนของอุตสาหกรรมปลายนํ้าเป็นส่วนใหญ่ โดยเป็นปลายนํ้าที่มีพลัง มีศักยภาพ และยังมีการขยายการลงทุน ภาพรวมสุทธิเป็นตัวเลขบวกหมดทั้งการลงทุนและการจ้างงาน

“ค่าแรงในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในระดับท็อปของอุตสาหกรรมที่มีค่าแรงสูง พนักงานคนงานมีสุขภาพจิตที่ดีในการทำงาน ถือเป็นกลุ่มที่มี Happy Workplace ที่ดี ถ้าไม่มีอะไรมากระทบแรง ผมว่าเติบโตได้อีก เพราะเทคโนโลยีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมากับ 10 ปีในอนาคต เป็นช่วงที่เทคโนโลยีบูมจริง ๆ และอิเล็กทรอนิกส์เราก็ไปตอบโจทย์ในเรื่องของ High Technology ของโลก” ดร.สัมพันธ์ กล่าว