KEY
POINTS
ในโลกยุคดิจิทัลที่ธุรกรรมทางการเงินเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้ว “บัญชีม้า” ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของเหล่ามิจฉาชีพที่ใช้หลอกลวงประชาชน สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ และเป็นภัยคุกคามที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ
ด้วยเหตุนี้ มาตรการอายัดบัญชี จึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการหยุดยั้งอาชญากรรมเหล่านี้ แต่มาตรการที่เข้มข้นนี้กำลังกลายเป็นดาบสองคม ที่สร้างผลกระทบในวงกว้าง หลายกรณี บัญชีของประชาชนผู้บริสุทธิ์และผู้ประกอบการร้านค้า กลับถูกอายัดโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินต้องหยุดชะงัก ร้านค้าขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ และประชาชนต้องเผชิญกับความยุ่งยากในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์เพื่อขอปลดล็อกบัญชี กลายเป็นปัญหาสร้างความปั่นป่วนและก่อให้เกิดวิกฤตความเชื่อมั่นที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระดับฐานรากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาชี้แจ้งว่า ธปท. และศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) และธนาคารพาณิชย์ ได้ปรับปรุงแนวทางการการปลดระงับบัญชีให้เร็ว เพื่อช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ จากเดิม 3-7 วัน เหลือเป็นเร็วที่สุดภายใน 4 ชั่วโมงต่อรอบการตรวจสอบจนถึง 1 วัน และภายในเดือนกันยายนนี้ จะมีการกำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวดขึ้น เพื่อไม่ให้กวาดบัญชีผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกินจำเป็น แต่ต้องใช้เวลาในการพัฒนาเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่กระทบกับการจับบัญชีม้าที่แท้จริง
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้สำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจต่างๆ ต่อมาตรการอายัดบัญชี สะท้อนความกังวลและเสนอแนวทางแก้ไขที่ตรงจุดของภาครัฐและสถาบันการเงิน
นายกิตติ พรศิวะกิจ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย กล่าวว่า จากมาตรการอายัดบัญชี ได้รับข้อร้องเรียนจากผู้ประกอบการ พ่อค้า-แม่ค้า ภาคประชาชน เป็นอย่างมาก เนื่องจาก 1.ผู้ที่ถูกอายัดบัญชี จะขาดสภาพคล่องโดนทันที 2.หลายร้านค้าประกาศระงับการรับโอนเงิน ทำให้ยอดขายตกเนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เริ่มชินกับระบบ cashless และ 3.ผู้ประกอบการที่โดนอายัดจะต้องเสียเวลาและต้นทุนในการจัดเตรียมเอกสารมาก
ดังนั้น แนวทางการแก้ปัญหา ควรจะดำเนินการใน 5 เรื่อง ได้แก่ 1.ในเบื้องต้น การอายัด ธนาคารต้องอายัดเฉพาะวงเงินที่ต้องสงสัย ไม่ใช่อาย้ดท้้งบัญชี ซึ่งอาจต้องมีการพัฒนาระบบที่รองรับก่อนมีการดำเนินการ 2.ภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรออกแบบกลไกที่รัดกุม และถูกต้องมากกว่านี้ ก่อนออกมาตรการที่จะส่งผลกับคนจำนวนมากออกมา และวางบทลงโทษสำหรับผู้สร้างและผู้ยินยอมให้ทำบัญชีม้าสถานหนัก แต่ต้องเป็นธรรม เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนไปขายสิทธิ
3.ใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม เช่น มีระบบ KYC ในการยืนยันตัวตน มีระบบ AI ในการวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมที่ต้องสงสัย มีระบบรับเรื่องร้องเรียนสำหรับผู้ได้รับผลกระทบ 4.มีช่องทางและเงื่อนไขให้ผู้ที่ถูกอายัดสามารถร้องเรียนเพื่อขอฟื้นคืนบัญชีได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วขึ้นให้จบภายใน 1 ชั่วโมง และ 5.มีบทลงโทษและวงเงินเยียวยาสำหรับหน่วยงานที่อายัดบัญชีโดยไม่ถูกต้อง ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจากรายได้ที่อาจสูญเสียไป
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ชี้ให้เห็นว่า การออกมาตรการที่มีผลกระทบต่อ SME และประชาชนในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองย่อมมีความลำบากมากกว่าภาวะปกติ เพราะขาดรายรับ และ ไม่มีทุนสำรองจากการขาดรายได้ หรือ คนหาเช้ากินเข้า อยู่ในช่วงรอรายได้มาจุนเจือตลอดเวลา
ดังนั้น การแก้ปัญหาของมาตรการนี้ เพื่อยับยั้งความเดือดร้อนจากภาคประชาชนที่เริ่มขยายวงกว้าง จึงต้องมีการออกมาตรการแก้ไข เฝ้าระวัง และ ประเมินผลกระทบตลอดเวลา และ มีทีมงานที่สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงทีแบบรายวันมารองรับ ผลกระทบที่เกิดขึ้น
นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารและที่ปรึกษากิติมศักดิ์สมาคมโฮสเทลประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาบัญชีม้ากับการอายัดบัญชีธนาคารนั้น ไม่เพียงส่งผลกระทบกับร้านที่ใช้ระบบสแกนจ่าย แต่ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ขายออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ไลน์แอด ที่ลูกค้าสั่งซื้ออาหารโดยตรงกับร้าน หากบัญชีร้านถูกล็อคหรือไม่สามารถโอนเงินได้ ร้านจะต้องจัดการกับปัญหานี้อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักไปและสามารถดำเนินการต่อได้ตามปกติ
ข้อกังวลที่สำคัญที่สุดคือการที่ร้านต้องอาศัยการหมุนเวียนเงินสดในทุกๆวัน เพื่อซื้อของจากซัพพลายเออร์ ซึ่งหากเงินไม่สามารถหมุนเวียนได้ในช่วงเวลาที่ต้องการ ร้านอาจต้องเผชิญกับความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจต่อไป
“มองว่าความเป็นธรรมมันไม่สมบูรณ์ มันง่ายมากที่จะอายัด แต่มันยากมากที่จะปลดบัญชีอายัดออก ธนาคารเองไม่ได้รับผิดชอบเต็มที่ ซึ่งพยายามโยนปัญหาไปให้ตำรวจรับผิดชอบแทน เข้าใจว่าตำรวจเองก็ต้องรับเรื่องพวกนี้แล้วรวบรวมเอกสารทั้งหมด แต่การดำเนินการในลักษณะนี้มันผิด และก็ไม่มีการเตรียมการรองรับไว้เลย
ซึ่งวิธีการปลดล็อคบัญชีมันเหมือนกับทางธนาคารใช้วิธีที่จะป้องกันบัญชีม้า หรือบัญชีที่มีการใช้ในทางที่ผิด แต่มันไม่ได้คิดถึงผลกระทบต่อผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย และไม่ได้วางแผนหรือเตรียมการเพื่อแก้ไขปัญหานี้ล่วงหน้า ไม่มีการจัดการที่เหมาะสมสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการแบบนี้”
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า การใช้บัญชีม้าในธุรกิจร้านอาหารกำลังกลายเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการดำเนินงานในภาคธุรกิจนี้ โดยเฉพาะในร้านที่รับบัตรเครดิตหรือสแกนชำระเงิน ร้านบางแห่งต้องเผชิญกับการถูกอายัดบัตรจากสถาบันการเงิน ซึ่งทำให้ไม่สามารถดำเนินการกับลูกค้าได้ตามปกติ การใช้เงินสดแทนการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารทำให้เกิดความลำบากทั้งในส่วนของร้านค้าและผู้บริโภค โดยเฉพาะร้านค้าขนาดเล็กที่ยิ่งประสบปัญหาการหมุนเวียนเงินทุนที่ลำบากขึ้น
“หลายคนในวงการธุรกิจร้านอาหารเสนอว่า ธนาคารควรปรับปรุงการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานบัญชีและบัตรให้เหมาะสม โดยเฉพาะในกรณีที่มีการอายัดบัญชี เพราะความไม่แน่นอนเหล่านี้ทำให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่ผู้ประกอบการ ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที ธนาคารควรปรับวิธีการให้คำแนะนำในแต่ละสาขาให้มีความสอดคล้องและเข้าใจปัญหาของผู้ประกอบการมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงในระยะยาว”
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในการหาทางแก้ไขปัญหา เนื่องจากความยุ่งยากในการติดต่อกับธนาคาร และการขอคำแนะนำที่ขาดความชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้บัญชีที่อาจเข้าข่ายบัญชีม้า ซึ่งเป็นปัญหาที่บางคนอาจไม่รู้ว่ากำลังทำผิดกฎหมาย จนกระทั่งพบว่าโดนตรวจสอบหรือต้องรับผลกระทบในภายหลัง
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย สะท้อนว่า มาตรการอายัดบัญชีม้าจะส่งผลกระทบถึงธุรกิจเล็ก ๆ ธุรกิจรากหญ้าเป็นส่วนใหญ่ เพราะปัจจุบันคนไม่ค่อยพกเงินสดกันแล้ว ร้านค้าแพงลอยก็รับเงินโอน แต่ในส่วนของอสังหาฯ ยังมองไม่เห็นถึงผลกระทบเท่าใดนัก