จับตา แถลงเงินเฟ้อ ส.ค. 68 คาดติดลบต่อเนื่อง หลังดัชนีราคาผู้บริโภคต่ำ

03 ก.ย. 2568 | 23:17 น.

กระทรวงพาณิชย์เตรียมแถลงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนสิงหาคม 2568 คาดเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง จากแรงกดดันราคาน้ำมัน ผักผลไม้ และค่าไฟฟ้าลด

KEY

POINTS

  • กระทรวงพาณิชย์เตรียมแถลงตัวเลขเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม 2568 โดยคาดว่าจะยังคงติดลบต่อเนื่องหลังจากเดือนกรกฎาคมติดลบ 0.70%
  • ปัจจัยหลักที่ทำให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำคือมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ เช่น การลดค่าไฟฟ้า, ราคาพลังงานในตลาดโลกที่ลดลง และราคาผักผลไม้ที่ถูกลง
  • ภาพรวมคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้ออาจติดลบต่อเนื่องถึง 6 เดือน และคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2568 อยู่ที่ 0.5%

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 กันยายน เวลา 13.30 น. นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้แถลงข่าว ดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนสิงหาคม 2568 รวมถึง ผลการวิเคราะห์โอกาสการเบี่ยงเบนเส้นทางการค้า (Trade Diversion) 

 

ทั้งนี้ต้องติดตามว่าดัชนีการบริโภคของไทยในเดือนสิงหาคม 2568 หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนกรกฎาคม 2568 เท่ากับ 100.15 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งเท่ากับ 100.86 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.70% ซึ่งเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4

สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนสิงหาคม 2568 คาดว่าอยู่ในระดับต่ำ โดยมีปัจจัยสนับสนุน 4 เรื่อง

1. ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าเนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างอ่อนแอและความถึงเครียดจากความขัดแย้งของประเทศผู้ผลิตน้ำมันอยู่ในระดับจำกัด

2. ภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดการะค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2568 ลง 17 สตางค์ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย

3. ราคาผักสดและผลไม้สดอยู่ระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมากจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ปริมาณผลผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น

4.ค่าบริการด้านการท่องเกี่ยวปรับตัวลดลงตามสถามการณ์ด้านการท่องเกี่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคร่าว ๆ ประกอบกับผู้ประกอบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อตอบรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง

ขณะที่ ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น

1. ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้ม สูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น เนื้อสุกร มะพร้าว มะขามเปียก กาแฟเกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หลายสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะราคาน้ำมันพืชและเนื้อสุกร

2. อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ (Reciprocal Tariffs)ต่อประเทศคู่ค้าต่าง ๆ มีความชัดเจนมากขึ้นโดยเป็นอัตราที่ต่ำกว่าครั้งก่อนหน้า ซึ่งจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกทยอยปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ค่อย ๆ ปรับตัวสูงขึ้น

"ทั้งนี้คาดการว่าอัตราเงินเฟ้อจะติดลบต่อถึง 6 เดือน คาดการณ์ทั้งปี ค่ากลาง 0.5% ขณะที่ GDP 1.3-2.8