พิชัย เคาะ 6 แผน ตั้งเป้าไทยหลุดบัญชี Watch List ของสหรัฐฯ

07 ส.ค. 2568 | 02:14 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ส.ค. 2568 | 03:39 น.

"พิชัย" นั่งประธาน คปท. กางแผน 6 แนวทาง ยกระดับนวัตกรรม–เสริมแกร่ง SMEs เร่งถอดไทยพ้นบัญชี Watch List สหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สิน ทางปัญญาแห่งชาติ (คทป.) ร่วมด้วย นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดึงหน่วยงานภาครัฐกว่า 20 แห่ง ร่วมบูรณาการขับเคลื่อนแผนพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาไทยในมิติต่างๆ เพื่อเสริมแกร่ง SMEs ดันเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และงานสร้างสรรค์

นายพิชัย ชุณหวชิร เปิดเผยว่า ทรัพย์สินทางปัญญา คือหนึ่งกลไกสำคัญของการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในมิติด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ เพราะนานาชาติต่างให้ความสำคัญกับการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

ทั้งนี้ หากประเทศไทยมีระบบนิเวศด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งการดึงดูดการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก

ทั้งนี้ ในที่ประชุม คทป. ได้ร่วมกันกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายด้านทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยมอบหมายกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อการยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมของไทย ภายใต้ กรอบดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index: GII) โดยมีแนวทางขับเคลื่อน 6 ด้าน ได้แก่ 

  • การใช้ประโยชน์งานวิจัยและการลงทุนด้านนวัตกรรม 
  • การเพิ่มมูลค่านวัตกรรมด้วยความคิดสร้างสรรค์และทรัพย์สินทางปัญญา 
  • การพัฒนานวัตกรรมผ่านกลไกทางการเงินและตลาดทุน 
  • การส่งเสริมการขยายผลและการใช้ประโยชน์นวัตกรรม 
  • การพัฒนาวิสาหกิจฐานนวัตกรรมและกําลังคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ 
  • การบริหารจัดการข้อมูลนวัตกรรม 

 

พิชัย เคาะ 6 แผน ตั้งเป้าไทยหลุดบัญชี Watch List ของสหรัฐฯ

 

ด้านนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายคือการสร้างความเข้มแข็งให้กับ SMEs ไทย ภายใต้นโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” โดยมีเป้าหมายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้ภาคเอกชน ประชาชน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 

ทั้งนี้ การนำทรัพย์สินทางปัญญามาสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการยิ่งขึ้น เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาศักยภาพด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้ครอบคลุมทุกมิติตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ที่ประชุมจึงเห็นชอบแผนพัฒนาด้านทรัพย์สินทางปัญญา พ.ศ. 2569 – 2570 

โดยบูรณาการการทำงานเชิงรุกทั้งในด้านการพัฒนากฎหมาย ด้านการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ด้านการให้บริการภาครัฐ และด้านการมีส่วนร่วมและสร้างความตระหนักรู้ของภาคประชาชน เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเหมาะสม ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้ยังจะเป็นแนวทางในการดำเนินการเพื่อให้สหรัฐฯ พิจารณาถอดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษด้วย

 

พิชัย เคาะ 6 แผน ตั้งเป้าไทยหลุดบัญชี Watch List ของสหรัฐฯ

 

นอกจากนี้ การประชุม คทป. ครั้งนี้ได้สะท้อนความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้เข้มแข็ง ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการแข่งขัน การลงทุน และผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน