ปิดดีลภาษีทรัมป์ 19% สรท. คาดส่งออกทั้งปีโต 5-7%

01 ส.ค. 2568 | 23:20 น.

สรท. ชี้ภาษีสหรัฐฯ เหลือ 19% ช่วยลดแรงกดดันส่งออกไทย แต่ยังห่วงต้นทุน–กำไรหด คาดตัวเลขส่งออกทั้งปี 68 โต 5-7%

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ผลการเจรจากับสหรัฐอเมริกาและสามารถปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้า (Reciprocal Tariff) ที่เรียกเก็บจากสินค้าไทย จากเดิม 36% ลงเหลือ 19% ถือว่าอยู่ในระดับที่เป็นไปตามความคาดหมายของภาคเอกชน และขอขอบคุณคณะผู้แทนเจรจาของประเทศไทยที่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการเจรจา 

โดยได้รับอัตราภาษีที่ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งสำคัญในภูมิภาค ทำให้สินค้าไทยยังคงสามารถแข่งขันได้และความชัดเจนของอัตราภาษีทำให้คาดว่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยในครึ่งปีหลัง และทำให้การส่งออกทั้งปี 2568 สามารถเติบโตได้อย่างน้อย 5-7% 

อย่างไรก็ตาม อัตราภาษี 19% ยังคงมีผลกระทบต่อการส่งออก อาทิ 

1. ผู้นำเข้าของสหรัฐอเมริกาจะมีการเจรจาในราคาซื้อขายสินค้ากับผู้ส่งออกไทยเพื่อแบ่งภาระภาษีร่วมกัน ซึ่งจะเป็นต้นทุนทางตรงกับผู้ส่งออกไทย รวมถึงลดอัตรากำไรลงอย่างมาก 

2. ผู้ผลิตวัตถุดิบต้นน้ำภายในประเทศของไทยจะได้รับผลกระทบต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ผลิตเพื่อส่งออกจำเป็นต้องเจรจาด้านราคาวัตถุดิบ เพื่อลดต้นทุนสินค้าส่งออกให้สามารถแข่งขันได้ ทำให้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการและเกษตรกรในประเทศในท้ายที่สุด 

3. ผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาจะต้องแบกรับราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าราคาสินค้าที่วางจำหน่ายอาจไม่ได้ปรับขึ้นในสัดส่วนมากถึง 19% และผู้บริโภคส่วนใหญ่จะทำใจยอมรับ แต่ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ปริมาณการบริโภคสินค้าขั้นสุดท้ายลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

4. สินค้าที่ส่งไปสหรัฐอเมริกาได้น้อยลง โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคจะถูกส่งจากประเทศคู่แข่งไปยังตลาดรองอื่น ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาทั่วโลก

ดังนั้น สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย จึงเสนอให้ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมเดินหน้าเสริมความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย เพื่อรับมือกับการแข่งขันในตลาดโลกที่จะรุนแรงมากขึ้น อาทิ 

1. ปรับลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ เพื่อพยุงให้ราคาสินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ประกอบไปด้วย

  • ต้นทุนทางการเงินทั้งในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยน ให้สอดคล้องกับภูมิภาค และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ให้สะท้อนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
  • ลดต้นทุนพลังงานสำหรับภาคการผลิตและภาคการขนส่ง
  • ชะลอการปรับเพิ่มขึ้นต้นทุนค่าแรงงาน 

2. เร่งรุกตลาดใหม่ ทั้งการเจรจาการค้าเสรี การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กิจกรรมคณะผู้แทนการค้าไทยไปเยือนตลาดเป้าหมาย และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในแต่ละกลุ่มสินค้า 

3.เร่งเสริมสภาพคล่อง และสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอสำหรับรองรับการเปิดตลาดใหม่  

4.เข้มงวดการควบคุมมาตรฐานสินค้านำเข้า เพื่อลดแรงกดดันต่อผู้ประกอบการในประเทศ เป็นต้น