สทนช.ลุยงบ 3.9 หมื่นล้าน บริหารจัดการน้ำทั่วไทย จ้างงาน 7.3 หมื่นคน/เดือน

27 มิ.ย. 2568 | 21:30 น.

สทนช. ดึง 7 หน่วยงานด้านนํ้า รีบูทเศรษฐกิจทั่วประเทศ สนองนโยบายรัฐบาลแพทองธาร ใช้งบกว่า 3.9 หมื่นล้าน ประชาชนได้รับประโยชน์เฉียดล้านคน จ้างงาน 7.3 หมื่นคนต่อเดือน ลุ้น 3 จังหวัดท้ายตาราง “แม่ฮ่องสอน-นครพนม-สกลนคร”รายได้เพิ่ม และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท (ข้อเสนอโครงการฯ) ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 50 หน่วยรับงบประมาณ จำนวน 481 โครงการ (8,939 รายการ) ภายในกรอบวงเงิน 115,375 ล้านบาท เพื่อเป็น การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ได้ผลในระยะยาว

 

สทนช.ลุยงบ 3.9 หมื่นล้าน บริหารจัดการน้ำทั่วไทย จ้างงาน 7.3 หมื่นคน/เดือน

นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรนํ้าแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะโฆษก สทนช. เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากผลกระทบสงครามการค้า และการประกาศนโยบาย Reciprocal Tariff หรือ ภาษีตอบโต้ของสหรัฐส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และจะส่งผลทำให้รายได้ของประชาชนลดลง โดยเฉพาะภาคการส่งออก รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จำเป็นต้องทบทวนการใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปและเสริมศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว

สำหรับ สทนช. รับผิดชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านที่ 1 โครงสร้างพื้นฐาน (ด้านนํ้า) มี 7 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมทรัพยากรนํ้าบาดาล ,กรมทรัพยากรนํ้า,กรมชลประทาน,กรมพัฒนาที่ดิน,การประปาส่วนภูมิภาค,กองทัพบกและกองทัพเรือ รวมแผนที่จะดำเนินการในครั้งนี้ 2,881 รายการ งบประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ด้านที่ 1 การพัฒนานํ้าอุปโภคบริโภค วงเงิน 10, 292 ล้านบาท,

สทนช.ลุยงบ 3.9 หมื่นล้าน บริหารจัดการน้ำทั่วไทย จ้างงาน 7.3 หมื่นคน/เดือน

ด้านที่ 2 เพิ่มประสิทธิภาพแหล่งนํ้าเดิมและพัฒนาระบบกระจายนํ้า วงเงิน 17,021 ล้านบาท, ด้านที่ 3 พัฒนาพื้นที่เกษตรนํ้าฝน วงเงิน 8,529 ล้านบาท ,ด้านที่ 4 พัฒนาพื้นที่หน่วงนํ้าและการป้องกันนํ้าท่วมชุมชนเมือง 2,981 ล้านบาท และด้านที่ 5 อนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรนํ้า 312 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถป้องกันอุทกภัยในช่วงฤดูฝน สร้างพื้นที่กักเก็บนํ้าไว้ใช้สำหรับฤดูแล้ง และป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน พื้นที่ได้รับการป้องกัน

นํ้าท่วมหรือการชะล้างพังทลายของดิน 191,167 ไร่ และสามารถกระจายนํ้าไปยังชุมชนและพื้นที่ต่าง ๆ ผลิตนํ้าเพื่อสนับสนุนภาคเกษตรในพื้นที่ทั่วประเทศ พัฒนาและปรับปรุงระบบนํ้าประปา ทำให้ปริมาณนํ้าเพิ่มขึ้น 192.22 ล้านลูกบาศก์เมตร ในภาพรวมมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 4,791,974 ไร่ ครัวเรือนได้รับประโยชน์ 906,803 ครัวเรือน และสามารถสร้างการจ้างงานได้ 73,807 คนต่อเดือน

 

 

นางพัชรวีร์ กล่าวว่า จากที่รัฐบาลมีงบประมาณจำกัด ซึ่งจากเดิมแผนงานและงบประมาณในการบริหารจัดการโครงการด้านนํ้า ตั้งไว้ที่ 1.2 แสนล้านบาท รอบแรกโดนตัดเหลือ 8 หมื่นล้านบาท ล่าสุดผ่านคณะอนุกลั่นกรองฯ 2-3 รอบ จนเหลือ 3.9 หมื่นล้านบาท โดยโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านบริหารจัดการนํ้าจะพิจารณาเน้นกระจายไปยังภูมิภาคที่มีรายได้ต่อหัวตํ่า โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ นครพนมและสกลนคร และภาคเหนือ อาทิ แม่ฮ่องสอน เป็นต้น ขณะที่ภาคตะวันออก อาทิ ระยอง และชลบุรี ส่วนภาคกลาง อาทิ กรุงเทพฯ สมุทรสาคร ซึ่งคนมีรายได้ต่อหัวสูง จะมีการกระจายวงเงินงบประมาณในสัดส่วนที่น้อยกว่า เป็นต้น

อย่างไรก็ดีโครงการด้านนํ้าและคมนาคม ถือเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลางถึงระยะยาวและเป็นตัวช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง ก่อให้เกิดผลเชื่อมโยงไปยังสาขาเศรษฐกิจต้นนํ้าและปลายนํ้า เช่น สาขาก่อสร้าง สาขาค้าปลีกค้าส่ง สาขาการเงิน และบริการอื่น ๆ เป็นต้นคาดว่าเม็ดเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 115,375 ล้านบาทในครั้งนี้จะทำให้เกิดการจ้างงานทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 7.4 ล้านคนและ จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4%

 

 หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,109 วันที่ 29 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568