สทนช. จับตาท่วมซ้ำซาก 13 ล้านไร่ รัฐทุ่ม 1.2 แสนล้าน จัดการน้ำ ปี 69

ทั้งนี้ตามปฏิทินการบริหารจัดการทรัพยากรนํ้าช่วงฤดูฝน ปี 2568 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ซึ่งทางสำนักงานทรัพยากรนํ้าแห่งชาติ (สทนช.) ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนถอดบทเรียนการบริหารจัดการนํ้าฤดูฝน ปี 2567 มาปรับปรุงมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 “ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง” รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรนํ้าแห่งชาติ ( สทนช.) ในฐานะโฆษก สทนช. ถึงแผนการบริหารจัดการทรัพยากรนํ้าและเตรียมความพร้อมรับมือพื้นที่เสี่ยงอุกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในปีนี้

15 เขื่อนเร่งพร่องนํ้ารับฝนใหม่

นายไพฑูรย์ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยยังอยู่ในช่วง “ลานีญา”  ที่มีค่าความเป็นกลาง ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีการประเมินว่า ฝนเดือนพฤษภาคมจะมากกว่าค่าปกติถึง 19% เช่นเดียวกับเดือนมิถุนายนจะมีฝนมากกว่าค่าปกติ 1% เพราะฉะนั้นฤดูฝนปีนี้คาดการณ์ว่าปริมาณฝนจะมากเกินกว่าค่าปกติ อย่างไรก็ดีสถานการณ์จริงโดยภาพรวมฝนตกในปัจจุบันนี้ไม่ได้น่ากลัวมาก อาจจะมีฝนตกชุกบ้างในบางช่วง ซึ่งต้องเฝ้าระวังในช่วงต้นเดือนสิงหาคมอาจจะมีร่องความกดอากาศตํ่า หรือร่องมรสรุม หรือหย่อมความกดอากาศตํ่า จะส่งอิทธิพลทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนัก

ทั้งนี้หากมีฝนตกต่อเนื่องยาวเป็นสัปดาห์ จะทำให้เกิดนํ้าท่วมฉับพลัน นํ้าท่วมขัง หากเป็นแบบนี้ถือว่าน่ากลัว ดังนั้นในภาพรวมการบริหารจัดการเขื่อน สทนช.ได้มีการพร่องนํ้าล่วงหน้าจากอ่างเก็บนํ้าขนาดใหญ่ จำนวน 15 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 21 พ.ค. 68) ได้แก่ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์, เขื่อนกิ่วคอหมา, เขื่อนกิ่วลม, เขื่อนแม่มอก, เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน, เขื่อนนํ้าอูน, เขื่อนลำปาว, เขื่อนลำพระเพลิง, เขื่อนแก่งกระจาน, เขื่อนขุนด่านปราการชล, เขื่อนหนองปลาไหล, เขื่อนประแสร์,เขื่อนนฤบดินทรจินดา และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อรองรับฝนใหม่ และจะเพิ่มขีดความสามารถในการคาดการณ์-แจ้งเตือนภัยได้อย่างแม่นยำขึ้น

“สภาพนํ้าในอ่างเก็บนํ้าขนาดใหญ่ และขนาดกลาง ปริมาตรนํ้าในอ่างฯ ในภาพรวม ณ เวลานี้อยู่ที่ 42,393 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน.ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 55 (ปริมาตรนํ้าใช้การได้ 18,450 ล้านลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 35 ปริมาตรนํ้าในอ่างฯ เทียบกับปี 2567 (39,306 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 51 มากกว่าปี 2567 จำนวน 3,087 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณนํ้าไหลลงอ่างฯ 117.15 ล้านลบ.ม. ปริมาณนํ้าระบาย 127.02 ล้านลบ.ม. สามารถรับนํ้าได้อีก 34,097 ล้านลบ.ม.”

โดยปีนี้แนวโน้มปริมาณฝนใกล้เคียงกับปี 2565 โดยฝนจะไปตกขอบประเทศ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก และกาญจนบุรี ทำให้เกิดปัญหานํ้าท่วมขัง แต่กลางประเทศไม่ค่อยตก ทำให้สามารถบริหารจัดการนํ้าในภาพรวมได้ ซึ่งได้ขอความร่วมมือผ่าน 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 ที่ได้กระจายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในการวางแผนการบริหารจัดการนํ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้มากที่สุด

13 ล้านไร่ เสี่ยงท่วมซํ้าซาก

สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยในปีนี้ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรนํ้า (องค์การมหาชน) มีการประเมินพื้นที่เสี่ยงแบบชี้เป้า และแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงนํ้าท่วมแบบรายเดือน โดยมีพื้นที่เสี่ยงลงรายละเอียดลึกขึ้น อาทิ เดือนมิถุนายน คาดการณ์จะกระทบ 23 จังหวัด 74 อำเภอ 226 ตำบล โดยแบ่งเป็นพื้นที่นํ้าท่วม 22 จังหวัด 49 อำเภอ 147 ตำบล และพื้นที่นํ้าท่วมฉับพลัน 11 จังหวัด 32 อำเภอ 79 ตำบล เป็นต้น โดยเฉพาะในพื้นที่นํ้าท่วมซํ้าซากของกรมพัฒนาที่ดินมาใช้กำหนดเป้าหมายเป็นพื้นที่เสี่ยงทั้งประเทศ 13.25 ล้านไร่

ทั้งนี้การวางแผนรายเดือนจะส่งข้อมูลให้กับจังหวัด หรือฝ่ายปกครองในการเตรียมแผนป้องกันในแต่ละพื้นที่ที่จะมีจุดเสี่ยงนํ้าท่วม หรือนํ้าท่วมฉับพลัน และระหว่างเดือนหากมีอากาศเปลี่ยนแปลงจะอัปเดตข้อมูลในแต่ละพื้นที่ไปใหม่ เพื่อฉายภาพได้ชัดเจนขึ้น ทำให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ลงไปช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที ล่าสุดรัฐบาลได้มีงบประมาณผ่าน สนทช. ไปยังกว่า 40 หน่วยงานที่ดูแลเรื่องนํ้าในปี 2569จำนวน 1.2 แสนล้านบาท โดย ส่วนเน้นงานในพื้นที่ที่เกิดปัญหานํ้าท่วม-แล้งซํ้าซาก 

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,099 วันที่ 25 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568