นายธีรวัฒน์ รังสิกรรพุม เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดจังหวัดเพชรบูรณ์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” จากที่คณะรัฐบาล นำโดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีแนวทางจะเปิดเจรจาการนำเข้าข้าวโพด GMO จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่าเพื่อลดมาตรการการขึ้นภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกา แลกกับการลดภาษีประเทศไทย อาทิ ส่งอออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์,ชิ้นส่วนยานยนต์, เซมิคอนดักเตอร์เป็นสินค้าหลัก
แต่กลับจะเปิดการซื้อข้าวโพดจีเอ็มโอจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทย โดยใช้ข้อมูลจากหน่วยงานสำนักเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ประเมินผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เฉลี่ยไว้ที่ 4.7 ล้านต้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริง จากความต้องการของผู้ผลิตอาหารสัตว์ที่แจ้งไว้ 9.2 ล้านตัน จึงทำให้ต้องนำเข้าวัตถุดิบทดแทน
1. ข้าวสาลี ยูเครน เขตเชอนาบิวอาหารสัตว์ราคาถูก (มาตรการ 3:1 จำนวน 1.6 ล้านตัน)
2. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเพื่อนบ้านไม่จำกัดจำนวน ซึ่งในปี 2567 ได้มีการนำเข้าจำนวน 2 ล้านตัน
3. ข้าวบาร์เลย์ 0.3 ล้านตัน จากประเทศออสเตรเลีย
4. ข้าวฟ่าง ผลิตภายในประเทศ 0.3 ล้านตัน
5. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ภายในประเทศ สศก.ประเมิน 4.7 ล้านตัน
6. ปลายข้าวภายในประเทศ ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านตัน
7. มันสำปะหลังภายในประเทศ ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านต้น
ทั้งนี้จากตัวเลขดังกล่าว จะเห็นว่าให้มีปริมาณข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทนเป็นจำนวน 8.9 ล้านตัน และมีวัตถุดิบทดแทนคาร์โบไฮเดรดจำพวกมันสำปะหลังและปลายข้าวเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 3 ล้านตันรวมมีวัตถุดิบไม่ต่ำกว่า 1.19 ล้านต้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้าข้าวโพดGMO จากประเทศสหรัฐอมริกาและการนำเข้าจะส่งผลกระทบต่อการผลิตภายในประเทศ ดังนี้
เศรษฐกิจท้องถิ่น ขาดกำลังซื้อ เพราะเกษตรกรลงทุนรายได้ต่ำ ตัวอย่าง ข้อมูล สศก. แจ้งต้นทุนเกษตรกร 5,500 บาทต่อไร่ ผลผลิตเฉลี่ยของประเทศไทย 14.5% ที่ 750 กิโลกรัม ที่ราคา 9 บาท ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และความชื้น 30% ที่ 7.05 บาทต่อกิโลกรัม ถ้าเกษตรกรขายที่ความชื้น 30%จำนวน 910 กิโลกรัม ราคา 7.05 บาท เท่ากับ 6,415 บาทต่อไร่ หักต้นทุน 5,500 บาท จะคงเหลือกำไร 915 บาทต่อไร่ พื้นที่เกษตรกรรมเฉลี่ย 15 ไร่ต่อเกษตรกร 1 คน เงินลงทุน 82,500 บาท แต่ขายได้ 96,212 บาท คงเหลือกำไร 13,732 บาทต่อเกษตรกร 1 คน เมื่อนำมาเฉลี่ย 4 เดือน เท่ากับ 3,433 บาทต่อเดือน ซึ่งรายได้ต่ำกว่าค่าแรง 300 บาท ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ให้ ธ.ก.ส.หรือแหล่งเงินทุน อื่นๆ
นอกจากนี้ประเทศไทยห้ามปลูกผลผลิต GMO แต่ขอนำเข้าผลผลิต GMO ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริกาผลิตได้มากถึง 350 ล้านตัน เพื่อความมั่นคงใช้ภายในประเทศ 300 ล้านต้น ผลิตเอทานอล 20 ล้านตัน ที่เหลือส่งออก 30 ล้านต้น และขายกากข้าวโพด DDGS ด้วยนโยบายของรัฐบาลสหรัฐอมริกาช่วยเหลือเกษตรกรราคาผลผลิตตกต่ำจำนวนเงิน 350,000 ล้านบาท และสนับสนุนให้ส่งออก ประเทศไทยจึงไม่สามารถแข่งขันกับข้าวโพด GMO ได้ ทั้งเรื่องพื้นที่, เทคโนโลยี สภาพอากาศ, สายพันธุ์ GMO,เงินลงทุน
แตกต่างจากประเทศไทยที่ขาดการสนับสนุนการผลิตจากภาครัฐ เพื่อความมั่นคงคงทางอาหารผลกระทบต่อการพัฒนาอาชีพการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เมื่อรายได้น้อยจึงไม่สามารถลงทุนเพิ่มเช่น ปุ๋ย ยา สารเคมี เทคโนโลยีเครื่องทุนแรง ระบบน้ำ มีผลต่อการผลิตในอนาคต ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบาย นบขพ. เรื่องมาตรการส่งเสริมและการพัฒนาการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เพียงพอ 8-9ล้านตันในปี 2568-2572
ที่สำคัญรายได้รัฐในการจัดเก็บภาษี ผู้ผลิตอาหารสัตว์ นำเข้าสินค้าการเกษตร 0% เงินไหลออก และจัดเก็บภาษีจากโรงงานอาหารสัตว์ได้ต่ำมาก เช่นบริษัท ก. ยอดขาย 31,000 ล้านบาท รัฐจะจัดเก็บภาษีได้เพียง 78 ล้านบาทเท่านั้น แต่หากเกษตรกรถูกลดรายได้จาก 10.50 บาท เหลือในราคาประกัน 9.80บาท ผลต่าง 0.7 บาทต่อก็โลกรัม จำนวน 5 ล้านต้น เงินกำไรในระบบจะหายไป 3,500 ล้านบาทต่อปี
โดยเฉพาะจังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้อาจขาดสภาพคล่องเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจะเห็นได้ว่า ผลกระทบต่อการนำเข้าข้าวโพด GMO มีผลเสียต่อเกมตรกรและประเทศไทยมากกว่าผลประโยชน์ที่รัฐบาลอ้างถึงการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพราะอาหารสัตว์เลี้ยงเน้น NON-GMO ส่วนอาหารสัตว์ฟาร์มควรเน้นการใช้ผลผลิตภายในประเทศมากกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อการพัฒนาอาชีพเกษตรารให้เกิดความมั่นคงทางอาหารภายในชาติในยามวิกฤตอย่างยั่งยืน