เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ครั้งที่ 3/2568 เพื่อพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการการนำเข้าสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2568- 2569 และกำหนดปริมาณและอัตราภาษีการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ภายใต้กรอบ WTO รวมถึงเรื่องการกำหนดราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ เพื่อดูแลเกษตรกร รับซื้อข้าวโพดสด ความชื้นไม่เกิน 30% ไม่ตํ่ากว่า 7.05 บาทต่อกิโลกรัม
นายเติมศักดิ์ บุญชื่นกรรมการ นบขพ. เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการนำเข้าสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2568 - 2569 โดยมีมติอนุมัติการนำเข้าภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) จากโควตาเดิมที่ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้นำเข้าเพียงผู้เดียว อัตราภาษีร้อยละ 20 ปริมาณไม่เกิน 54,700 ตัน เปลี่ยนเป็นให้ อคส. และผู้นำเข้าทั่วไปสามารถนำเข้าได้ในอัตราภาษี 0% ในปริมาณ 1 ล้านตัน โดยให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการ ซึ่งต้องให้ความเห็นชอบทุกครั้งก่อนนำเข้า
ทั้งนี้ การกำหนดให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทน (จีเอ็มโอ) ภายใต้กรอบ WTO ในโควตา และข้าวสาลีสำหรับผลิตอาหารสัตว์ จะต้องรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศในสัดส่วน 3 ส่วน ต่อการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายใต้กรอบ WTO ในโควตาข้าวสาลีสำหรับการผลิตอาหารสัตว์ 1 ส่วน โดยต้องนำหลักฐานการรับซื้อตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 มาแสดงประกอบการขออนุญาต
“นับเป็นปีแรกที่การนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ ถูกดึงเข้ามาในสัดส่วนของข้าวสาลี ซึ่งในที่ประชุม เกษตรกรกับสมาคมผู้ค้าพืชไร่ก็คัดค้าน แต่ก็ไม่สามารถต้านได้ เพราะประธานตัดสินใจใช้คะแนนเสียง โดยมีเพียง 2 เสียงที่ค้าน อย่างไรก็ดี ได้ท้วงติงว่าการนำเข้าข้าวโพดปนเปื้อนจีเอ็มโอ อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศ เมื่อคัดค้านไม่ได้ จึงแจ้งในที่ประชุมว่า หากจะนำเข้าข้าวโพดจากประเทศใดก็ตาม ต้องไม่มีจีเอ็มโอ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้รับปากว่าจะซื้อข้าวโพดสดทุกเมล็ด และหากราคาในประเทศตกตํ่า ทางสภาเกษตรกรฯ และสมาคมผู้ค้าฯ มีแผนจะฟ้องศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราว โดยจะใช้โมเดลจากคดีปาล์มนํ้ามันในจังหวัดตรังที่ศาลเคยรับพิจารณาและได้ผลมาแล้ว”
สอดคล้องกับนายเทอดศักดิ์ ลาภจิตรกุศล นายกสมาคมการค้าพืชไร่ ที่กล่าวว่า วันนี้ (11 มิ.ย. 68) โรงงานอาหารสัตว์ส่วนใหญ่ไม่รับซื้อข้าวโพด โดยอ้างว่าซ่อมเครื่องจักร ซึ่งเป็นความจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ในวันนี้ ผู้ค้าได้รับผลกระทบเต็มที่จากสินค้าที่อยู่ในสต็อกขายไม่ได้ หรือขายได้แต่ต้องขาดทุน เพราะรับซื้อมาต้นทุนแพง ส่วนราคาก็ขึ้นอยู่กับโรงงานอาหารสัตว์เป็นผู้กำหนด ไม่ใช่ผู้ค้า ซึ่งราคารับซื้อในแต่ละวันจะออกประมาณ 19.00 น. ของทุกวัน เร็วสุดคือ 17.00 น. ดังนั้นแม้อ้างว่านำเข้าได้ของถูกกว่าจริง แต่ในประเทศแม้จะซื้อแพงกว่าเล็กน้อย แต่ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนได้โดยไม่ต้องใช้เงินอุดหนุนแม้แต่บาทเดียว
นายธีรวัฒน์ รังสิกรรพุม เกษตรกรแปลงใหญ่ ตำบลวังชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึงมติเห็นชอบการนำเข้าข้าวโพดจีเอ็มโอโดยใช้มาตรการ 3 ต่อ 1 (ข้าวสาลีรวมกับข้าวโพดจีเอ็มโอ ต้องไม่เกิน 1 ล้านตัน) ว่าผลกระทบจะทำให้เกิดการชะลอตัวในการรับซื้อข้าวโพด และไม่มีการแข่งขันในการซื้อขาย เพราะจะมีการทำสัญญาล่วงหน้าและทยอยส่งสินค้าจากสหรัฐอเมริกา ขณะที่ข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านยังไม่จำกัดจำนวนการนำเข้า ซึ่งไม่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2568-2572 ที่ตั้งเป้าจะเพิ่มพื้นที่ปลูกจาก 801,900 ไร่ เป็น 1.1 ล้านไร่ เช่นเดียวกับเป้าหมายผลผลิตรวมจาก 5.75 ล้านตัน (มูลค่ากว่า 4.2 หมื่นล้านบาท) เป็น 8.30 ล้านตัน
ขณะที่นายพรศิลป์พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย และเลขาธิการสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้า กล่าวถึงการที่ประเทศไทยจะไปต่อรองแลกลด หรือยกเว้นภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ที่ก่อนหน้านี้ประกาศจะเก็บภาษีไทยในอัตรา 36% โดยมองว่าภาคเกษตรของไทยมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือกว่า 10 กลุ่มสินค้าเพื่อการส่งออกไปยังสหรัฐฯ หากมองที่ผลผลิตข้าวโพดในประเทศที่ยังขาดถึง 4 ล้านตัน (อนุมัตินำเข้าเพียง 1 ล้านตัน) ก็อยากให้ทุกฝ่ายมองภาพรวมของประเทศ มากกว่าความขัดแย้งภายใน
ด้านสมาคมพ่อค้าข้าวโพดและพืชพันธุ์ไทย รายงานการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT (9 มิ.ย. 68) ว่า สัญญาธัญพืชปิดลบทั้งกระดาน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน ที่กรุงลอนดอน โดยสัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนกรกฎาคมลดลง 9.00 เซนต์ หรือ 2.03% ปิดที่ 4.3350 ดอลลาร์/บุชเชล จากแรงกดดันของสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเพาะปลูกเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับสัญญาข้าวสาลีและสัญญาถั่วเหลืองที่ลดลงเช่นกัน
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 45 ฉบับที่ 4,105 วันที่ 15 - 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568