ข่าวดี! จีนเตรียมเปิดตลาด “อินทผลัม-สละ” เพิ่ม ส.ค.นี้

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากการที่ ศ.ดร.นฤมลภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมหารือกับ ดร.ซุน เหมยจุน รัฐมนตรีว่าการสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC)พร้อมด้วย นายหวัง อี้หยู อธิบดีกรมกักกันพืชและสัตว์ นายหลี่ จิ้นซงอธิบดีกรมความปลอดภัยอาหารนำเข้าและส่งออก และ นางกัว ซั่วเยี่ยน อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ และคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ในระหว่างเดินทางไปเยือนจีนช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ในระหว่างการพบปะและหารือร่วมกันของทั้งสองฝ่ายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ GACC  ได้แลกเปลี่ยนนโยบายและวิสัยทัศน์ที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งเสริม ขยายโอกาส และอำนวยความสะดวกสินค้าเกษตรระหว่างกันในหลายประเด็น และประเด็นการเปิดตลาดสินค้าเกษตรและกลไกคณะทำงานร่วมด้านสุขอนามัยสุขอนามัยพืช ซึ่งกระทรวงฯ และ GACC ได้ประชุมและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2547

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ให้ Mr. LIANG Zhuwei ศุลกากรเซินเจิ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการกักกันสัตว์และพืช พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมคารวะ เพื่อหารือเกี่ยวกับการตรวจประเมินระบบการควบคุมคุณภาพทุเรียนผลสด ณ ประเทศไทย กรมวิชาการเกษตร ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยของสินค้าเกษตร รวมถึงมาตรฐานสินค้าเกษตร ในระดับประเทศ และระดับสากลจึงขอบคุณฝ่ายจีนที่ได้ยอมรับความสามารถในการทดสอบ BY2 ทั้งสิ้น 12 แห่ง และอยู่ระหว่างการขอ resume อีก 1 แห่ง ทำให้ไทยมีศักยภาพในการดสอบBY2 ในทุเรียนช่วงฤดูกาลผลิตในภาคตะวันออกที่ผ่านมา และที่กำลังเข้าสู่ฤดูกาลส่งออกภาคใต้

ระหว่างวันที่ 23-27 มิถุนายน 2568 GACC ได้จัดส่งคณะผู้เชี่ยวชาญด้านกักกันสัตว์ และพืช และผู้เชี่ยวชาญด้านห้องปฏิบัติการ มายังประเทศไทย เพื่อตรวจประเมินแปลงเกษตรกร ตรวจประเมินโรงคัดบรรจุทุเรียน เยี่ยมชมด่านตรวจพืช ในพื้นที่ภาคตะวันออก และภาคใต้รวมถึงตรวจประเมิน ตัวแทนห้องปฏิบัติการ 3 แห่งที่ได้รับการรับรองจาก GACC ในการทดสอบ Basic Yellow 2ในทุเรียนรวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับกรมวิชาการเกษตร ในการสร้างความเข้าใจ ในการจัดการระหว่าง GACC และ กรมวิชาการเกษตร ในการบริหารจัดการการส่งออกทุเรียนผลสด สร้างความมั่นใจในระบบตรวจสอบ ให้เป็นไปตามข้อตกลง ตามพิธีสาร ไทย-จีนว่าด้วยข้อกำหนดด้านการกักกันโรค และตรวจสอบสำหรับสินค้าผลไม้เมืองร้อน ที่ส่งออกจากไทยไปจีน รวมถึงมาตรการควบคุม และแก้ไขปัญหาการตรวจพบโลหะหนัก (แคดเมียม) และสาร BY2 ในทุเรียนของไทยที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่แหล่งผลิต โรงคัดบรรจุ และห้องปฏิบัติการทดสอบสินค้าเกษตรด้านพืช

Mr. LIANG Zhuwei เปิดเผยว่า การเดินทางเยือนไทยในครั้งนี้ เพื่อตรวจประเมินระบบการควบคุมคุณภาพทุเรียนตั้งแต่แหล่งผลิต (สวน)โรงคัดบรรจุทุเรียน และห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์สาร BY2 ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ และเยี่ยมชม ด่านตรวจพืช โดยมีผู้เชียวชาญด้านการกักกันสัตว์และพืชของ GACC จาก 4 มณฑล ที่ได้นำเข้าทุเรียนจากไทยมากกว่าร้อยละ 90 ของการส่งออกไปยังประเทศจีน ได้แก่ ด่านศุลกากรเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง, เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน, เมืองหนานหนิง มณฑลกวางซี และเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนานที่ผ่านมา

ประเทศไทยได้แก้ไขปัญหาการตรวจพบ BY2 อย่างจริงจังและเป็นระบบ จนทำให้ GACC เกิดความเชื่อมั่นถึงคุณภาพและความปลอดภัยของทุเรียนที่นำเข้าจากไทยนั้นปลอดภัยต่อผู้บริโภคจีน ทั้งนี้ GACC ได้อำนวยความสะดวกการส่งออกทุเรียนของไทยให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่ให้สะดุด โดยลดการสุ่มตรวจสาร BY2 ณ ด่านนำเข้าในจีนสำหรับล้งทุเรียนที่มีระบบการจัดการทีดี และหวังว่าการตรวจประเมินนี้ จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นว่าทุเรียนไทยที่ส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นทุเรียนที่ปลอดภัย และมีคุณภาพสูง

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวในตอนท้ายว่า ความร่วมมือระหว่างกรมวิชาการเกษตรและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานผลไม้สดของไทย โดยเฉพาะทุเรียนผลสดซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดจีน  กรมวิชาการเกษตรให้ความสำคัญกับหลักการด้านความปลอดภัยอาหาร (Food Safety)

ขอให้เกษตรกรดำเนินการตามมาตรฐาน GAP ของกรมวิชาการเกษตร และโรงคัดบรรจุ ปฏิบัติตามมาตรการ 4 ไม่ (ไม่อ่อน ไม่สวมสิทธิ์ ไม่มีหนอน ไม่มีสี/ไม่มีสาร) ขยายผล และดำเนินการ Big Cleaning โรงคัดบรรจุอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การลดการสุ่มตรวจที่หน้าด่าน สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคชาวจีน และรักษาชื่อเสียงของผลไม้ไทยในเวทีการค้าโลก นอกจากนี้ อธิบดีฯ ยังเปิดเผยข่าวดีว่า GACC มีกำหนดจะตรวจประเมินสวนและโรงคัดบรรจุ "อินทผลัม" และ "สละ"ของไทยในช่วงเดือนสิงหาคม 2568เพื่อพิจารณาเปิดตลาดสินค้าดังกล่าวในจีน ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการขยายตลาดผลไม้ไทยสู่ระดับสากล