นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่การเงินกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวในงานสัมมนา "Thailand Investment Forum 2025: Great Depression พลิกเกมฝ่าวิกฤติ" จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และโพสต์ทูเดย์ ในช่วง Special Talk : Global Footprint, Economic New Growth กล่าวถึงผลกระทบกับการกลับมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สมัยที่ 2 (Trump 2.0) ก็ทราบกันแล้วว่ามีความรุนแรงแค่ไหน เป็นความไม่แน่นอน
ในขณะเดียวกันเรื่องเทคโนโลยี อากาศเปลี่ยน มีความแน่นอนค่อนข้างสูงจะต้องรับมือกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “เมกะเทรนด์” กลายเป็นเข็มทิศสำคัญสำหรับนักลงทุน นักวางแผนธุรกิจ และผู้กำหนดนโยบายในการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและสร้างโอกาสใหม่ในอนาคต ล่าสุด WHA Group ได้สรุป 5 กลุ่มธุรกิจ 5 กลุ่มหลัก ดังนี้
1. ธุรกิจโลจิสติกส์: รวมถึงการพัฒนาและบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์, โรงงานและคลังสินค้าให้เช่า.
2. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม:พัฒนาที่ดินพร้อมระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนน, ไฟฟ้า, ประปา, และบำบัดน้ำเสีย.
3. ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน:ให้บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน.
4. ธุรกิจดิจิทัล:นำเสนอโซลูชันดิจิทัลสำหรับธุรกิจ
5. โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร (WHA Mobility): รวมถึงบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า, สถานีชาร์จ และโซลูชันซอฟต์แวร์สำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้า
“ทั้งนี้ธุรกิจ 5 กลุ่ม มองมิติในเรื่องรายได้เช่นเดียวกัน ทั้งรายได้ประจำกับรายได้ที่มาจากการขาย ยกตัวอย่างเช่น การขายฝั่งนิคม เป็นพระเอกใน 3 ปีหลัง ยอดขายนิคมสูงสุดจากดีลต่างที่ดึงมาลงทุนได้ อาทิ อีวี และ Data Center เป็นต้น ส่วนฝั่งที่เป็นธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน:ให้บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน จะมีลูกค้าที่จะต้องจ่ายค่าส่วนกลาง เป็นต้น ยกเว้นปีไหนหากพื้นที่เช่าในนิคมขายดี รายได้ส่วนนี้จะกระโดดขึ้นมา”
สำหรับในส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ มี 3.1 ล้านตารางเมตร รวมมูลค่าทรัพย์สิน 76,000 ล้านบาท ก็ยังเห็นความต้องการที่สูงมากโดยเฉพาะเกิดปัญหาการส่งออก มีการเร่งส่งออกมาก ทำให้ท่าเรือแหลมฉบังจราจรหนาแน่นติดขัดเพราะเร่งทั้งนำเข้าส่งออกในช่วงนี้ ส่วนแผนขยายโครงการสำคัญในปีนี้ ได้แก่ 1.WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 เฟส 3 และ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 และการขยายไปยังประเทศเวียดนาม ผ่าน 2 โครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ในจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) และจังหวัดฮึงเอียน (Hung Yen)
นายณัฐพรรษ กล่าวถึงผลกระทบลูกค้าที่มีการลงทุนจากต่างประเทศในนิคมอุตสาหกรรม ยังไม่มีผลกระทบ มีความแข็งแกร่ง แล้วยังมีการเติบโตสูง อย่างที่เห็นในไตรมาส 1 การรอเซ็นสัญญาซื้อขายมาก แล้วที่ซื้อขายแล้ว รอการโอน โดยเฉพาะดีลที่มาจากดาต้าเซ็นเตอร์จะมาใช้พื้นที่ประมาณ 1 พันไร่แรกได้เกิดแล้ว ซึ่งได้ตัดขายให้ 506 ไร่ ไปเรียบร้อยแล้ว อีก 450 รอโอนปลายปี
นอกจากนั้นยังมีลูกค้ามากกว่า 20 ราย กำลังเจรจากัน และที่มาในช่วงระยะหลังมาเป็นลูกค้าจากประเทศจีน อย่างไรก็ดีการเก็บภาษีของทรัมป์ มองว่าไทยและเวียดนาม น่าจะเก็บในอัตราที่ไม่มีใครเสียเปรียบและได้เปรียบ แล้วทั้งสองประเทศจะโดนเก็บภาษีไม่แพงกว่าประเทศจีน เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะเห็นการเติบโตในทุกผัง และมีการขยายเฟสตามตลาดอย่างต่อเนื่อง บวกกับลูกค้าก็ต้องการที่อยากจะดำเนินการก่อสร้างโรงงาน และมีแผนที่ต้องการโอนกำหนดกันไว้เรียบร้อยแล้ว จึงต้องทำให้บริษัทเร่งดำเนินการส่งมอบที่ดินให้กับลูกค้าให้เร็วที่สุด
ในส่วนธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทฯ ปัจจุบันมีพลังงานหมุนเวียน 450 เมกะวัตต์ ประมาณ 45% ของ portfolio หากย้อนกลับไป 7 ปีที่แล้วมีน้อยกว่า 5% ถือเป็นสิ่งที่บริษัทฯ มองเห็นเทรนด์ว่าจะต้องไป จึงตั้งเป้าอีก 5 ปีสัดส่วนจะไปถึง 75% ส่วนธุรกิจดิจิทัล ถือเป็นหลังบ้านเพื่อให็ธุกิจนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยเฉพาะการเข้ามาของ AI จะช่วยลูกค้าในส่วนไหนบ้าง
เช่นเดียวกับธุรกิจโซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร (WHA Mobility): รวมถึงบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า, สถานีชาร์จ และโซลูชันซอฟต์แวร์สำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้า เป็นน้องใหม่ จะสร้าง EV EcoSystem สำหรับ Commercial EV ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์ไปถึงหัวลาก ดังนั้น การ Operate ครั้งนี้จะต้องมีการ Compact มากกว่าจึงต้องสร้าง Ecosystum ทั้งระบบร่วมกับระบบซอฟต์แวร์ ซึ่ง EV ไปถึงจุดคุ้มทุนแล้วเมื่อเทียบกับ ICE เพราะค่าใช้จ่าย Operator ต่อเดือนใกล้เดิม หลายบริษัทมีนโยบายที่จะพยายามเริ่มใช้ EV เพื่อลดคาร์บอน
"เรื่องสำคัญคือน้ำ ที่นอกจากการบริหารจัดการที่ดีเพื่อเรียกอุตสาหกรรมเข้ามา เราในฐานะเป็น Operator ของนิคมฯ จึงพยายามที่จะรีไซเคิลน้ำให้ได้มากที่สุด โดยเอาน้ำที่ใช้แล้วกลับมาผ่านกระบวนการเพื่อจะกลับมาใช้ในอุตสาหกรรมมากขึ้น เกิดการพึ่งพาแหล่งน้ำจากธรรมชาติน้อยลง ควบคู่กับการบริหารจัดการภาครัฐที่ดีขึ้น ยกตัวอย่างลูกค้าในกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ ใช้น้ำมากกว่าโควต้าที่ให้ประมาณ 15 เท่า หากเทียบเท่า 1 โรงงานของ Data Center ประมาณโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 1 โรงซึ่งเป็นวอลุ่มค่อนข้างใหญ่ แปลว่าอนาคตข้างหน้าเมื่อสร้างนิคมฯ เสร็จ 1,000 ไร่ วอลลุ่มและรายได้เข้ามา”
ปิดท้ายส่วนโซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร (WHA Mobility): รวมถึงบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า, สถานีชาร์จ และโซลูชันซอฟต์แวร์สำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทฯ ปัจจุบันมีพลังงานหมุนเวียน 450 เมกะวัตต์ ประมาณ 45% ของ portfolio หากย้อนกลับไป 7 ปีที่แล้วมีน้อยกว่า 5% ถือเป็นสิ่งที่บริษัทฯ มองเห็นเทรนด์ว่าจะต้องไป จึงตั้งเป้าอีก 5 ปีสัดส่วนจะไปถึง 75% ให้ได้ ส่วนธุรกิจดิจิทัล ถือเป็นหลังบ้านเพื่อให็ธุรกิจนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยเฉพาะตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรมควบคู่ไปกับเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการคลังสินค้าด้วย