จากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร สั่งห้ามพลเมืองจาก 12 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ ครอบคลุมทั้งการย้ายถิ่นฐาน ทำงาน และศึกษาต่อ โดยมี 2 ชาติในอาเซียนอย่างเมียนมาและลาวติดโผในกลุ่มประเทศต้องห้าม สะท้อนสหรัฐ ให้ความสำคัญกับประเด็นความมั่นคง สิทธิมนุษยชน และบทบาททางภูมิรัฐศาสตร์เหนือเศรษฐกิจ ส่งผลให้ไทยอาจรับแรงงานและเม็ดเงินลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป
รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มาตรการดังกล่าวของสหรัฐ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยตรง เนื่องจากประเทศทั้ง 12 แห่ง ไม่ได้เป็นคู่ค้าหลัก และไม่มีการลงทุนหรือค้าขายระหว่างกันมากนัก แต่เป็นนโยบายที่สะท้อนท่าทีทางการเมืองระหว่างประเทศของสหรัฐฯมากกว่า
“ในบรรดา 12 ประเทศนั้น หลายประเทศถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่มีปัญหาเรื่องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งรวมถึงเมียนมาและลาวที่เป็นประเทศในอาเซียน สหรัฐ มองว่าเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้อิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนอย่างชัดเจน”
ทั้งนี้แม้ผลกระทบทางตรงต่อสหรัฐ จะน้อย แต่คำสั่งดังกล่าวมีนัยสำคัญต่อไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมาและลาว โดยเฉพาะด้านแรงงานและการย้ายถิ่นฐาน
“แรงงานเมียนมาและลาวที่เข้าไปในสหรัฐ มีจำนวนไม่มากนัก ขณะที่แรงงานเมียนมาอยู่ในไทยอยู่แล้ว การที่สหรัฐ ปิดประตูเข้าเมืองแบบนี้ อาจเร่งให้แรงงานและนักธุรกิจจากสองประเทศนี้ หันมาไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมียนมา ที่ปัจจุบันนอกจากส่งแรงงานเข้ามา ยังมีนักธุรกิจที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน ลงทุนซื้อคอนโดมิเนียม ทำธุรกิจมากขึ้น ถือเป็นคลื่นลูกใหม่ที่เข้ามาในไทย”
ข้อมูลจากหน่วยงานด้านแรงงานระบุว่า ปัจจุบันมีแรงงานเมียนมาในไทยมากกว่า 6 ล้านคน แบ่งเป็นแรงงานในระบบประมาณ 2.6 ล้านคน และนอกระบบราว 3.4 ล้านคน ส่วนแรงงานลาวทั้งในและนอกระบบมีอยู่ราว 600,000 คน โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการ เช่น เป็นแม่บ้าน พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร โรงแรม เป็นต้น ขณะที่งานใช้แรงงานหนัก เช่น งานก่อสร้าง การเกษตร ยังเป็นแรงงานจากเมียนมาและกัมพูชาเป็นหลัก
รองศาสตราจารย์ ดร. อัทธ์ กล่าวอีกว่า หากคำสั่งของสหรัฐ ถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวด อาจทำให้แรงงานที่พยายามเดินทางเข้าสหรัฐ ผันตัวมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศในอาเซียนมากขึ้นโดยหนึ่งในประเทศเป้าหมายหลักคือไทย ซึ่งอยู่ใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ และมีเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยมากกว่า
“แรงงานลาวและเมียนมา ที่ตั้งใจไปอเมริกา อาจเปลี่ยนเส้นทางมาทำงานในไทยแทน โดยเฉพาะเมียนมา ที่มีช่องทางเข้ามาได้ทั้งถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายจะยิ่งเข้ามามากขึ้น และไม่ใช่เฉพาะแรงงานเท่านั้น กลุ่มนักธุรกิจจากเมียนมาอาจใช้ไทยเป็นฐานตั้งหลักมากขึ้นในช่วงที่สหรัฐปิดประตูจากกรณีมีรัฐประหาร”