พาณิชย์ เจ้าภาพจัด TRC 2025 ดันข้าวไทยพรีเมี่ยมสู่เวทีโลก

19 พ.ค. 2568 | 11:06 น.
อัปเดตล่าสุด :19 พ.ค. 2568 | 13:51 น.

“พาณิชย์” พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมข้าวนานาชาติ (TRC 2025) ครั้งที่ 10 โชว์ความสำเร็จของภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมข้าวไทยสู่สากล

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมข้าวไทย ความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention 2025 สถานการณ์และแนวโน้มการส่งออกข้าวไทยในปี 2568

รวมทั้งแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมและการส่งออกข้าวไทย เช่น ปัญหาราคาข้าวไทยปรับตัวลดลง ปัญหาต้นทุนการผลิตข้าวที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ เช่น พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน

 

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

ทิศทางและนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมข้าวไทย

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สินค้าเกษตรเป็นสินค้าสำคัญอันดับ 1 ของไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะสินค้าข้าว กระทรวงพาณิชย์จึงให้ความสำคัญในการส่งเสริมและยกระดับอุตสาหกรรมข้าวไทยมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก “ข้าว” เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับคนหลายภาคส่วน ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบการรายใหญ่ ผู้ประกอบการนำเข้า รวมทั้งผู้ประกอบการแปรรูปข้าวอีกด้วย

ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ จึงผลักดันนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อส่งเสริมการผลิตข้าวคุณภาพสูงหรือข้าวพรีเมี่ยมที่ตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการใช้นวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทย และที่สำคัญที่สุด คือ เพื่อให้เกษตรกรไทยมีรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวภายใต้แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวไทยอย่างยั่งยืน

ความเป็นมาของการประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention 2025 (TRC 2025) ครั้งที่ 10

สำหรับการจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention 2025 หรือ TRC 2025 ในปีนี้ เป็นการจัดงานครั้งที่ 10 หลังจากที่ได้จัดครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 และว่างเว้นไปเป็นระยะเวลา 6 ปี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโคโรนาไวรัส 2019 (COVID-19) โดยการกลับมาจัดงานครั้งนี้จะเป็นการพลิกโฉมวงการข้าวไทยซึ่งจะมีการนำเสนออุตสาหกรรมข้าวไทยครบทั้งห่วงโซ่อุปทานเพื่อที่ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า และผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมข้าวไทย จะให้การยอมรับและเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานข้าวไทยเพิ่มขึ้น 

 

พาณิชย์ เจ้าภาพจัด TRC 2025  ดันข้าวไทยพรีเมี่ยมสู่เวทีโลก

 

รวมทั้งเป็นการจัดเวทีให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมข้าวไทยจะได้กลับมากระชับความสัมพันธ์และพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลความเห็นระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่กำลังเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคหันมารักษาสุขภาพและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ จึงให้ความสำคัญกับการจัดงาน TRC 2025 ที่จะเป็นการนำเสนอและส่งเสริมให้สินค้าข้าวไทยเป็นมากกว่าสินค้าอาหารหลัก (staple food) แต่เป็นสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

วัตถุประสงค์ รูปแบบการจัดกิจกรรมภายในงาน Thailand Rice Convention 2025

งาน TRC 2025 จะเป็นเวทีสากลที่เปิดโอกาสให้ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก นักวิชาการ ผู้กำหนดนโยบาย และเกษตรกรจากหลากหลายประเทศ ได้พบปะ แลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมมือกันในการผลักดันอนาคตของอุตสาหกรรมข้าวโลกให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดยมีผู้เข้าร่วมงานตอบรับกว่า 500 คน จากทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 30 ประเทศ ได้แก่ ผู้แทนหน่วยงานรัฐบาลต่างประเทศ (G to G) ผู้นำเข้าและส่งออกข้าว หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชน รวมถึงชาวนาและเกษตรกรซึ่งเป็นตัวแทนในกลุ่มอาชีพภาคเกษตร 

โดยการจัดงานภายใต้แนวคิด “Global Rice from Thai Legacy” ซึ่งสะท้อนถึงรากฐานของภูมิปัญญาท้องถิ่น ความหลากหลายของสายพันธุ์ข้าว และการสืบทอดวัฒนธรรมข้าวไทยมายาวนานหลายร้อยปี โดยทั้งหมดนี้เพื่อแสดงให้เห็นความสำเร็จของภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมข้าวไทยว่าสามารถนำข้าวไทยไปสู่สากลและตลาดโลกได้อย่างไร

นอกจากนี้ ความพิเศษของ TRC 2025 คือ การที่เราออกแบบการจัดงานให้เชื่อมโยงแนวคิดด้านคุณภาพมาตรฐาน ความยั่งยืน และมรดกวัฒนธรรมของข้าวไทยเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ โดยทุกกิจกรรมภายในงานจะสะท้อนภาพลักษณ์ของไทยในฐานะผู้นำด้าน “ข้าวคุณภาพระดับโลก” และนำเสนอทุกมิติของห่วงโซ่อุปทานสินค้าข้าว ประกอบด้วย

  • การบรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมการค้าข้าวโลกปี 2568 จากมุมมองของผู้ส่งออกข้าวสำคัญ” (The Outlook of Global Rice Trade in 2025 from Major Rice Exporters’ Point of View) โดยวิทยากรจากหน่วยงานและผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกทั้ง 4 ประเทศ คือ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมผู้ส่งออกข้าวอินเดีย สมาคมอาหารของเวียดนาม และผู้ส่งออกข้าวของปากีสถาน 

 

  • การเสวนาในหัวข้อ “ข้าวยุคใหม่สู่ความยั่งยืน พลิกเกมเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม” (New-Era Rice Towards Sustainability – A Game-Changer for the Economy and Environment) เพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนมุมมองต่อข้าวในยุคสมัยใหม่จะนำสู่ความยั่งยืนได้อย่างไร โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องในวงการข้าวอินทรีย์ทั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้ส่งเสริมการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน

 

  • และสุดท้ายนี้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทราบภาพรวมและทิศทางของตลาดข้าวทุกประเภทในเชิงลึก กรมฯ ได้เชิญ Mr. V Subramanian ผู้ร่วมก่อตั้งวารสาร SS Rice News  ที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ตลาดข้าวโลก เพื่อให้การบรรยายในหัวข้อ “ทิศทางอุปสงค์และอุปทานข้าวโลก: โอกาสและความท้าทาย” (Future Trends of Global Rice Demand and Supply: Opportunities and Challenges) 

ดังนั้น การจัดงานครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับทราบข้อมูลและข้อคิดเห็นจากมุมมองของผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ผู้ส่งเสริมการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดข้าว และผู้ซื้อผู้บริโภคข้าวโดยตรง

“ที่ผ่านมาเรา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า และเกษตรกร จะพบปะและประชุมหารือกันผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ในปีนี้จะเป็นการกลับมาเจอกันในรอบ 6 ปี ซึ่งผู้เข้าร่วมงานทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะเห็นนวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิต นิทรรศการที่ประเทศไทยจะนำเสนอและประชาสัมพันธ์ข้าวไทย

โดยเราก็อยากจะให้ทั่วโลกได้เห็นถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรมการปลูกข้าวของไทย พัฒนาการของข้าวไทยนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมการผลิตข้าวไทย และที่สำคัญที่สุด คือ อยากให้ทั่วโลกได้เห็น ภาพลักษณ์ข้าวไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพ เป็นข้าวพรีเมี่ยม เป็นข้าวที่ทำให้ทุกคนที่รับประทานเข้าไปจะได้สุขภาพที่ดี และเป็นข้าวที่ช่วยให้เกษตรกรอยู่ดีมีสุข และ เพราะทุกคนล้วนมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรไทย”

สถานการณ์และแนวโน้มการส่งออกข้าวไทยในปี 2568 รวมทั้งแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมและการส่งออกข้าวไทย ในช่วงปีที่ผ่านมา สถานการณ์การส่งออกข้าวไทยค่อนข้างดี โดยส่งออกเป็นจำนวนมากถึง 9.95 ล้านตัน สูงสุดในรอบ 6 ปี 

อย่างไรก็ดี สำหรับปี 2568 การส่งออกข้าวไทยจะเผชิญปัจจัยท้าทายมากขึ้น อาทิ การกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย ปริมาณผลผลิตข้าวของทั้งประเทศผู้ส่งออกและผู้นำเข้าข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงผู้นำเข้าข้าวไทยบางประเทศยังคงมีสต็อกข้าวปริมาณมากจากการนำเข้าในปีที่ผ่านมา 

ตลอดจนนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจัยข้างต้นล้วนส่งผลให้ตลาดข้าวโลกมีความผันผวนและการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง สถานการณ์ตลาดข้าวโลกมีแนวโน้มชะลอตัว

ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2568 ไทยส่งออกข้าวแล้ว 1.80 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 27.99 จากช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่ส่งออกข้าวปริมาณ 2.51 ล้านตัน แม้ว่าราคาข้าวปรับตัวลดลง แต่ผลผลิตข้าวนาปรังของไทยมีปริมาณมากขึ้น

จึงส่งผลให้มีอุปทาน (ความต้องการขาย) มากกว่าอุปสงค์ (ความต้องการซื้อ) ในตลาดข้าวโลก โดยเฉพาะข้าวขาว แต่เราต้องยอมรับว่าราคาส่งออกข้าวไทยยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าประเทศคู่แข่งอย่างอินเดียที่หันกลับมาส่งออกข้าวตามปกติ 

ส่งผลให้ผู้นำเข้าหันไปนำเข้าข้าวจากประเทศดังกล่าว ทั้งนี้ ข้าวไทยยังมีจุดแข็งเรื่องคุณภาพและความหลากหลายของข้าว โดยเฉพาะข้าวคุณภาพสูง (Premium) และข้าวชนิดพิเศษสำหรับตลาดเฉพาะ (Niche Market) อาทิ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมนิล และข้าวสังข์หยด เป็นต้น ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารและดีต่อสุขภาพ เราเชื่อมั่นว่า หากสามารถปรับตัวให้ทันต่อสภาพตลาดโลก และเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน ข้าวไทยก็ยังสามารถกลับมาตีตลาดข้าวโลก และผู้นำเข้าจะยินดีซื้อข้าวไทยที่ราคาสูงกว่า ซึ่งมีส่วนสำคัญในการรักษาความเป็นผู้นำในตลาดข้าวคุณภาพสูงได้ในระยะยาว 

ดังนั้น เราจึงทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการแจ้งทิศทางและแนวโน้มความต้องการข้าวในตลาดข้าวโลก เพื่อให้กระทรวงเกษตรฯ พัฒนาพันธุ์ข้าวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผลักดันให้เกษตรกรของไทยผลิตข้าวที่ตรงกับความต้องการของตลาด

อย่างไรก็ดี สำหรับปี 2568 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้ตั้งเป้าการส่งออกข้าวไทยอยู่ที่ประมาณ 7.5 ล้านตัน ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าดังกล่าวและส่งเสริมการส่งออกข้าวไทย ในช่วงที่ผ่านมา กรมฯ ได้จัดกิจกรรมผลักดันการส่งออกข้าว เพื่อเพิ่มคำสั่งซื้อที่จะช่วยรองรับผลผลิตข้าวไทย 

รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์และจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในประเทศคู่ค้าสำคัญและประเทศที่มีศักยภาพ โดยการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติที่สำคัญ เช่น งานแสดงสินค้าอาหารนานาชาติ SIAL 2024 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส งานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติของจีน (CIIE) 2024 ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มอินทรีย์ (BIOFACH) 2025 ณ เมืองนูเรมเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 

และงานแสดงสินค้านานาชาติ Foodex 2025 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าดังกล่าวข้างต้นได้รับเสียงตอบรับและความสนใจจากผู้นำเข้า ผู้ซื้อและผู้บริโภค รวมทั้งสื่อมวลชนในต่างประเทศ อย่างล้นหลาม ตลอดจนกรมฯ ได้เพิ่มความถี่ในการเจรจาการค้าทั้งกับภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อรักษาตลาดเดิม และเปิดตลาดใหม่ในภูมิภาคที่มีศักยภาพ 

โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกาและตะวันออกกลาง ซึ่งล่าสุดได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ซื้อขายข้าวระหว่างผู้ส่งออกข้าวไทยกับบริษัทผู้นำเข้าข้าวแอฟริกาใต้รายใหญ่ มีปริมาณกว่า 400,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 7,300 ล้านบาท

“กรมการค้าต่างประเทศเชื่อมั่นว่าตลาดข้าวโลกมีความต้องการข้าวคุณภาพดี เราจึงขอเน้นย้ำว่าข้าวของไทยมีคุณภาพสูง เป็นข้าวพรีเมี่ยม และที่สำคัญเป็นข้าวที่ทำด้วยหัวใจ เพาะปลูกจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวนาเกษตรกรไทย และมีการสืบทอดวัฒนธรรมมายาวนาน ซึ่งเราพยายามที่จะใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมาต่อยอดส่งเสริมจากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่ 

ควบคู่ไปกับความพยายามรักษาคุณภาพมาตรฐานข้าว ตลอดจนพัฒนาให้ข้าวไทยสามารถตอบรับและตอบสนองกับความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ซื้อในแต่ละตลาดทั่วโลก ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีความพร้อมที่จะตอบโจทย์ความต้องการข้าวที่หลากหลายของตลาดโลก และพร้อมเสมอที่จะเป็นคลังอาหารของโลก คลังข้าวของโลก"

สุดท้ายนี้ อยากจะเชิญชวนผู้ประกอบการ คนที่อยู่ในวงการการค้าข้าว หรือคนที่สนใจข้าว เข้าร่วมงานและร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดีในการต้อนรับแขกจากทั่วโลก และร่วมเป็นพลังสำคัญในการผลักดันให้ข้าวไทยก้าวขึ้นสู่เวทีโลกอย่างสง่างาม ในงานประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention 2025 (TRC 2025) ครั้งที่ 10 ในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ณ โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ