เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบจ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เฉพาะเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร แล้วให้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปปลูกพืชอย่างอื่นที่ให้มูลค่าสูงขึ้นหรือปรับเปลี่ยนพันธุ์ข้าวให้สอดคล้องกับตลาด วงเงินงบประมาณ 2,867.23 ล้านบาท
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ถึงความคืบหน้ามาตรการการช่วยเหลือชาวนา นาปรัง ปี 2568 จ่ายตรไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งก็ได้สอบถามทางนายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นระยะ เนื่องจากมีชาวนาทั่วประเทศสอบถามมาอย่างต่อเนื่องว่าเมื่อไรจะได้รับเงิน เนื่องจากกรอบระยะเวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้ว แล้วกำลังจะเข้าสู่นาปีแล้วด้วย
“ทางอธิบดีก็รับปากว่าได้แน่ แล้วจะเข้า นบข.ทบทวนวงเงินใหม่ เนื่องจากมีเกษตรการมาขึ้นทะเบียนกว่า 7 แสนราย คาดว่าจะใช้งบกว่า 7 พันล้านบาท ไม่เกิน 2 สัปดาห์ แล้วก็จะเข้า ครม.ต่อไป”
ขณะที่ แหล่งข่าวกรรมการ จาก นบข. กล่าวว่า การที่ นบข. มีมติ ให้ความเห็นชอบจ่ายไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่ายสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท จะต้องผ่านความเห็นชอบมาจากคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด หรือ คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวด้านการผลิต ก่อน ที่จะเข้า นบข.ก่อนหรือไม่
"หากย้อนไป เมื่อวัน 20 กุมภาพันธ์ 2568 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด (คณะอนุกรรมการ นบข.ด้านตลาด) ได้มีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการช่วยเหลือข้าวนาปรัง 2568 ดังนี้
เช่นเดียวกับทางคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในวันนั้นไม่มีวาระในเรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่ายสูงสุด ไม่เกิน 10,000 บาท มีแต่เสนอเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบห้ามเผา ปีการผลิต 2567/68 สนับสนุนไร่ละ 500 บาท แต่เมื่อโหวตเสียงแล้วก็แพ้ไป
ส่วนมติที่ชนะโหวตในวันนั้นเพื่อส่งให้ นบข. ก็คือ ให้ "กรมการข้าว" เสนอแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรกรณีห้ามเผาตอซัง และฟางข้าว ด้วยวิธีอื่นควบคู่ ได้แก่
1.สนับสนุนสารชีวภัณฑ์ในการย่อยสลายฟางข้าว
2.ขอความร่วมมือภาคเอกชนรับซื้อฟางเป็นวัสดุใช้ในอุตสาหกรรม
3.รณรงค์การไถกลบตอซัง และขอความร่วมมือสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตรจากศูนย์ข้าวชุมชน และเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแปลงใหญ่ที่รัฐบาลสนับสนุนไปแล้ว จำนวน 559 ศูนย์ข้าวชุมชน และกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแปลงใหญ่ 2,029 แห่ง เช่น รถแทรกเตอร์ พร้อมอุปกรณ์พ่วง เครื่องอัดฟาง จอบหมุน ผานพวน และเครื่องตอซังข้าว (กลุ่มละ 2.996 ล้านบาท)
4.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทบทวนการบังคับใช้/เลื่อนเวลา และปรับปรุง ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องมาตรการบริหารการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 68 และระเบียบ กฎหมายจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 2.5 ไมครอนให้สอดคล้องกับสถานการการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
สรุป ก็คือ มาตรการการช่วยเหลือชาวนา นาปรัง ปี 2568 จ่ายเงินตรง ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาท จะต้องให้ความเห็นชอบผ่าน คณะอนุฯผลิต หรือ อนุฯ ตลาด ก่อนหรือไม่ จึงจะมีเหตุผลทำให้ทางกรมการค้าภายใน เสนอให้ นบข.ทบทวนกรอบวงเงินใหม่ได้ แล้วคณะไหนจะเป็นผู้เสนอ ในเมื่อทั้ง 2 คณะ ที่ประชุมไม่มีการกล่าวถึงมติเห็นชอบจ่ายเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เลย หรือ นบข.สามารถมีมติเห็นชอบได้เลย โดยที่ไม่ต้องผ่าน 2 คณะอนุฯ ก็ได้