นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการนำคณะเยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยถึงความสำเร็จในการเจรจากับผู้บริหารห้าง Hema ผู้ประกอบการค้าปลีกชั้นนำในเครือ Alibaba Group ที่มีเครือข่ายสาขากว่า 454 แห่งทั่วประเทศจีน ใน 46 มณฑล รวมถึง 87 สาขาในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการจำหน่ายสินค้าทั้งระบบหน้าร้านและแพลตฟอร์มออนไลน์
นายนภินทร เปิดเผยว่า จากการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของห้าง Hema พบว่าผลไม้ไทยหลายชนิดได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทอง มังคุด มะพร้าว และส้มโอ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้านรสชาติและคุณภาพเหนือคู่แข่งจากประเทศอื่น ทางผู้บริหาร Hema ยืนยันว่าผลไม้ไทยเป็นสินค้าที่ทำยอดขายได้ดีมากในทุกสาขา มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และในปี 2568 นี้ คาดการณ์ว่ายอดขายผลไม้ไทยจะเติบโตสูงกว่าปี 2567 อย่างมีนัยสำคัญ"
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้ผู้บริหาร Hema ได้ตัดสินใจเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อผลไม้ไทยทุกชนิดทันที โดยเฉพาะผลไม้เกรดพรีเมียมที่มีคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูงและให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้า
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เน้นย้ำถึงมาตรการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดของไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าและผู้บริโภคชาวจีน โดยกล่าวว่า ผลไม้ไทยทุกชิ้นที่ส่งออกไปยังตลาดจีนจะต้องผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เริ่มตั้งแต่การเก็บเกี่ยวที่ต้องได้ความสุกพอดี ผ่านการตรวจสอบวันเก็บเกี่ยว ปริมาณความหวาน ระดับน้ำตาล และเปอร์เซ็นต์แป้ง ต้องปลอดจากศัตรูพืชและสารตกค้างทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสาร BY2 และแคดเมียม รวมถึงต้องไม่มีการสวมสิทธิ์นำเข้าผลไม้จากประเทศเพื่อนบ้าน
นายนภินทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันทางการจีนมีความเชื่อมั่นในระบบควบคุมคุณภาพของประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้กระบวนการตรวจสอบที่ด่านนำเข้าได้รับการผ่อนปรน ใช้ระยะเวลาเพียง 3-4 วัน ทำให้การส่งออกผลไม้ไทยทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในปัจจุบันมีการส่งออกทุเรียนเฉลี่ยวันละกว่า 800 ตู้คอนเทนเนอร์ และสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้อย่างราบรื่น ไม่เกิดปัญหาติดค้างที่ด่านเหมือนในอดีต ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการจีนอย่าง Hema มีความมั่นใจในคุณภาพของผลไม้ไทยและพร้อมเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อในปีนี้ตลอดทั้งฤดูกาล
สถิติการส่งออกทุเรียนสดและแช่แข็งไปยังจีนในปี 2567 มีปริมาณประมาณ 920,000 ตัน และในปี 2568 นี้ ผลผลิตทุเรียนของไทยเพิ่มขึ้นจาก 1.2 ล้านตัน เป็น 1.5 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นอีก 300,000 ตัน จากการสำรวจตลาดในหลายภูมิภาคของจีน ทั้งภาคใต้ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก พบว่าผู้บริโภคชาวจีนยังมีความต้องการผลไม้ไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุเรียน
"กระทรวงพาณิชย์มีความมั่นใจว่าตลาดจีนมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับปริมาณผลผลิตทุเรียนไทยที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านตันในปี 2568 นี้ได้ ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรชาวสวนทุเรียนไทย ที่จะส่งผลให้ราคาทุเรียนในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น สร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ภาคเกษตรกรรมของไทย" นายนภินทร กล่าว
นอกจากผลไม้ยอดนิยมอย่างทุเรียน มังคุด ส้มโอ และมะพร้าวแล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนขยายการส่งออกผลไม้ไทยชนิดอื่นๆ เช่น เงาะ ลิ้นจี่ ลำไย และผลไม้เมืองร้อนอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตในตลาดจีน โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง
รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ห้าง Hema มีความสนใจในสินค้าไทยระดับพรีเมียม และพร้อมเปิดตลาดให้ผู้บริโภคชาวจีนได้รู้จักสินค้าคุณภาพจากประเทศไทยมากขึ้น โดยทางผู้บริหารได้แจ้งว่าจะเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเลือกสรรสินค้าไทยที่มีคุณภาพด้วยตนเอง จึงได้ประสานงานส่งข้อมูลสินค้าไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) กว่า 200 รายการให้ทาง Hema ได้พิจารณา ซึ่งสินค้า GI เหล่านี้เป็นสินค้าที่ได้รับการรับรองคุณภาพว่าเป็นของดีของเด่นประจำท้องถิ่นของไทย มีความโดดเด่นเฉพาะตัว และมีคุณภาพสูง เหมาะสำหรับการวางจำหน่ายในห้าง Hema Premium ที่มีกลุ่มลูกค้าระดับบน
นายนภินทร เปิดเผยว่า เพื่อกระตุ้นการบริโภคผลไม้ไทยในตลาดจีนให้มากยิ่งขึ้น กระทรวงพาณิชย์เตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดครั้งใหญ่ร่วมกับห้าง Hema ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2568 ภายใต้ชื่อ "Thai Fruit Golden Month" หรือ "เดือนทองของผลไม้ไทย
"กิจกรรมดังกล่าวจะมีการจัดแสดงผลไม้ไทยในสาขาของ Hema ทั่วประเทศจีน จัดกิจกรรมชิมผลไม้ไทย การสาธิตการทำอาหารไทยจากผลไม้ รวมถึงการรณรงค์สร้างกระแส '19 สายพันธุ์ทุเรียนไทยที่ต้องกินก่อนตาย' ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในโลกออนไลน์ของจีน โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม Weibo, WeChat และ TikTok ของจีน"
สำหรับปี 2568 นี้ เป็นปีพิเศษที่มีความหมายสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน เนื่องจากเป็นปีที่ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศครบรอบ 50 ปี ทางสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ นครเซี่ยงไฮ้ จึงได้จัดทำกล่องบรรจุผลไม้พิเศษที่มีลักษณะเฉพาะเป็นลายรถตุ๊กตุ๊ก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นไทยและสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นสินค้าไทยแท้ คาดว่าจะเป็นที่สนใจและช่วยกระตุ้นยอดขายจากผู้บริโภคชาวจีนได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก" รัฐมนตรีช่วยฯ กล่าว
นายนภินทร เปิดเผยถึงศักยภาพของตลาดจีนว่า ตลาดจีนมีขนาดใหญ่มากและมีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นกลางที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงมีจำนวนมากกว่า 500 ล้านคน จากประชากรจีนรวมเกือบ 1,400 ล้านคน กลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้มีความต้องการสินค้าเกษตรคุณภาพสูงจากต่างประเทศ และพร้อมจ่ายในราคาที่สูงกว่าเพื่อได้รับสินค้าที่มีคุณภาพดีเยี่ยม
"ด้วยปัจจัยดังกล่าว ตลาดจีนจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับผลไม้ไทย และยังมีโอกาสในการขยายตัวได้อีกมาก โดยเฉพาะในเมืองรองที่กำลังมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว กระทรวงพาณิชย์จึงมีความมั่นใจว่าการส่งออกผลไม้ไทยไปยังจีนจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้และปีต่อๆ ไป" รัฐมนตรีช่วยฯ กล่าวเสริม
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ผลไม้ไทยถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูง มีความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดโลก และไม่ขึ้นกับราคาตลาดโลกเหมือนพืชไร่หลายชนิด เกษตรกรไทยควรให้ความสำคัญกับการปลูกพืชที่สามารถส่งออกได้ เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ มะพร้าว และส้มโอ ซึ่งจะช่วยยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
"กระทรวงพาณิชย์จะยังคงเดินหน้าสนับสนุนการส่งออกผลไม้ไทยไปยังตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทย พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผลผลิตทางการเกษตรของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรของไทยในตลาดโลก" นายนภินทร กล่าว