โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน งบประมาณ 14,000 ล้านบาท เพื่อรองรับเด็กทั้งระบบ 6.7 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันเด็กลดน้อยลงตามลำดับ ส่งผลทำให้ภาคสหกรณ์โคนมอ่อนแอลง ทางคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน ได้มีการจัดสรรสิทธิที่ใช้ในปีการศึกษา 2567 ใหม่ โดยแบ่งจัดสรรสิทธิและพื้นที่การจำหน่ายนมโรงเรียน ทั้งสิ้น 976.086 ตัน/วัน โดยแบ่งจัดสรรสิทธิให้สถาบันเกษตรกร (สหกรณ์) 485.593 ตัน/วัน (ร้อยละ 50) และผู้ประกอบการภาคเอกชน (ไม่ใช่สหกรณ์) 485.593 ตัน/วัน (ร้อยละ 50) ซึ่งเด็กอนุบาลจนถึงชั้น ป. 6 สามารถดื่มนมได้ 260 วันจากการสรรสิทธิดังกล่าวส่งผลทำให้ผู้ประกอบการภาคเอกชน ที่มีจำนวนโรงงานและกำลังผลิตที่มากกว่าสถาบันเกษตรกร ประสบปัญหาขาดทุนหนัก
แหล่งข่าวผู้ประกอบการนมโรงเรียน ปีการศึกษา 2568 เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงผลกระทบจากการจัดสรรสิทธิ/โควตาในปี 2567 ทางคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน เห็นปัญหาจึงได้มีการจัดสรรสิทธิใหม่ ในปี 2568 โดยแบ่งให้ ภาคสหกรณ์โคนม ร้อยละ 60 จากปริมาณนํ้านมที่ใช้จัดสรรสิทธิ 951 ตันต่อตัน 2.รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 12 ,สถาบันการศึกษา ร้อยละ 2.8 และภาคเอกชน ร้อยละ 25.2 เพื่อลดปัญหาจากการไม่รับซื้อนํ้านมดิบจากเกษตรกรซึ่งมีบทลงโทษถูกตัดสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการในปีการศึกษา 2568 จำนวน 2 ราย
ทั้งนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ มีการประกาศการรับสมัครผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม(นม) โรงเรียน ประจำปี 2568 โดยจะเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 13-15 พฤษภาคม 2568 โดยให้ผู้สมัครสามารถยื่นสมัครเข้าร่วมตามกลุ่ม 7 พื้นที่ ดังนี้ กลุ่มที่ 1 รับสมัครที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระบุรี ,กลุ่ม 2 สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสระแก้ว ,กลุ่ม 3 ที่สำนักงานสหกรณ์ขอนแก่น กลุ่มที่ 4 ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสกลนคร,กลุ่มที่ 5 ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่,กลุ่มที่ 6 ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดราชบุรี และกลุ่ม 7 ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพัทลุง
“อย่างไรก็ดีในการจัดสรรพื้นที่แบบนี้ทางกลุ่มเอกชนก็เกิดปัญหาอยู่ดี เนื่องจากจำนวนโรงงานมีมากกว่าสหกรณ์ ตอนนี้เอกชนก็พยายามที่จะผลักนํ้านมดิบให้ทางภาคสหกรณ์เพิ่มขึ้น ด้วยการไปซื้อเครื่องจักรลงทุนให้ โดยการปล่อยกู้สินเชื่อ และผ่องถ่ายเทนํ้านมดิบไปให้ภาคสหกรณ์เพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบหากโดนลดโควตาในภาคเอกชน”
เช่นเดียวกับ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ที่ติดค้างหนี้นํ้านมดิบจากเกษตรกว่า 300 ล้านบาท สามารถแก้ปัญหาได้ง่ายมาก โดยทางคณะกรรมการฯ ควรมอบอำนาจให้ อ.ส.ค.ผลิตนมกล่องตรานมโรงเรียนเพียงปีเดียว ซึ่งนอกจากจะจ่ายหนี้ได้แล้ว ยังมีกำไรด้วย และไม่ต้องไปขอเงินจากรัฐบาลมาอุดหนุน และไม่ต้องสร้างโรงงานนมผงให้เสียงบประมาณเปล่า เนื่องจากนํ้านมดิบของไทยไม่ได้มีมากนัก และยังมีต้นทุนที่สูงด้วย
แหล่งข่าว กล่าวต่อถึงนมโรงเรียนว่า ล่าสุดทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และโรงเรียนบางแห่ง ได้ส่งหนังสือมาว่าแจ้งกำหนดการโรงเรียนจะเปิดเทอมในวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะยังเป็นช่วงสุญญากาศ และไม่รู้ว่าจะได้ส่งนมให้หรือไม่ ซึ่งจะคล้ายกับปีที่ผ่านมา ที่มีโรงเรียนหลายแห่งเกิดปัญหาร้องเรียนว่าเด็กไม่ได้ดื่มนมวันแรก ซึ่งความจริงควรจะจัดสรรโควตาให้เร็วกว่านี้ ก็ไม่ทราบว่าติดขัดอะไร
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,096 วันที่ 15 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ประกาศการรับสมัครผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม(นม) โรงเรียน ประจำปี 2568 (คลิก)