ครม.อนุมัติ "แผนกู้วิกฤต" ราคาโคเนื้อตกต่ำ ห้ามนำเข้า-เร่งส่งออก

23 เม.ย. 2568 | 11:40 น.
อัปเดตล่าสุด :23 เม.ย. 2568 | 11:44 น.

เกษตรกรโคเนื้อ 1.43 ล้านรายเฮ! ครม.ผ่านมาตรการแก้ราคาตกต่ำ ดันลดต้นทุนอาหารสัตว์ ห้ามนำเข้าจากเมียนมา ปราบโคเถื่อน เร่งเจรจาส่งออก สร้างโรงฆ่ามาตรฐาน ช่วยเกษตรกรพ้นวิกฤต

นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (22 เม.ย. 68) มีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาโคเนื้อตกต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อทั่วประเทศ รวมกว่า 1.43 ล้านราย ผ่านสภาเกษตรกรแห่งชาติ

 

นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

โดยเนื้อหาที่สำคัญ อาทิ​ สนับสนุนให้เกษตรกรลดต้นทุนด้านอาหารสัตว์ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยสำรวจแหล่งปลูกพืชอาหารสัตว์ลดต้นทุน​ รวมถึงห้ามนำเข้าโคเนื้อจากประเทศเมียนมา

เพื่อสร้างความสมดุลของกลไกตลาด และลดแรงกดดันทำให้ราคาโคมีชีวิตในประเทศตกต่ำ เนื่องจากปริมาณโคเนื้อและเนื้อโคภายในประเทศเกินความต้องการบริโภค​

 

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

 

อีกทั้งป้องกัน และปราบปรามการนำเข้าเนื้อโคที่ผิดกฎหมาย และควบคุมการนำเข้าเนื้อโคจากต่างประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคา และความมั่นคงภายในภาคอุตสาหกรรมโคเนื้อไทย ตลอดจนรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรโดยการดูแลและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทยจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของคู่แข่งทางการค้าต่างชาติ

​และเร่งรัดตรวจสอบควบคุมการนำเข้าและใช้สารเร่งเนื้อแดงในโคเนื้อ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า โคเนื้อในต่างประเทศและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน​ เร่งรัดผลักดันและสนับสนุนให้มีโรงฆ่าชุมชน และโรงแปรรูปโคเนื้อ ที่มีมาตรฐานในการบริโภคภายในชุมชน​ และเร่งรัดเจรจาการส่งออกโคมีชีวิตโคเนื้อแช่เย็น แช่แข็ง และผลิตภัณฑ์อื่นๆจากโค เช่นหนังและกระดูก กับประเทศคู่ค้าที่สำคัญกับประเทศไทย

 

นายเอกภาพ ระบุ การดำเนินการแก้ปัญหาราคาโคตกต่ำ เพื่อแก้ปัญหาหนี้สิน ทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน และที่สำคัญ เป็นการสร้างรายได้ในภาคการเกษตร แก้ไขปัญหาตามความต้องการของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อจำนวน กว่า1.43 ล้านราย รวมถึงเป็นการสร้างรายได้ระดับชุมชน และระดับประเทศจากการจำหน่ายโคเนื้อมีชีวิต จำนวนกว่า 9.89 ล้านตัว