KEY
POINTS
ปัจจุบัน “การรถไฟแห่งประเทศไทย” หรือ รฟท.ยังคงเดินหน้าเติมเต็มโครงข่ายรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) จากกรุงเทพฯ ไปถึงหนองคาย ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟจีน-ลาว ได้อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญในการขนส่งและคมนาคมในภูมิภาคอาเซียน
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความคืบหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะ (เฟส) ที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคายนั้น
ทั้งนี้ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการฯแล้ว โดยปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อยู่ระหว่างการจัดทำขอบเขตของงานและราคากลาง พร้อมเปิดประมูลได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ ใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 6 เดือน คาดดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2569
ขณะเดียวกันตามแผนจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างงานโยธาได้ภายในเดือนมิถุนายน 2569 ใช้เวลาก่อสร้าง 48 เดือน คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2573 โดยแบ่งสัญญางานโยธาออกเป็น 8 สัญญา ดังนี้ สัญญาที่ 1 ช่วงนครราชสีมา-โนนสูง ระยะทาง 39 กม. วงเงิน 31,030 ล้านบาท, สัญญาที่ 2 ช่วงโนนสูง-บัวลาย ระยะทาง 54.9 กม. วงเงิน 33,920 ล้านบาท, สัญญาที่ 3 ช่วงบัวลาย-บ้านแฮด ระยะทาง 68.3 กม. วงเงิน 33,110 ล้านบาท
สัญญาที่ 4 ช่วงบ้านแฮด-น้ำพอง ระยะทาง 54.3 กม. วงเงิน 33,415 ล้านบาท, สัญญาที่ 5 ช่วงน้ำพอง-อุดรธานี ระยะทาง 64.5 กม. วงเงิน 31,850 ล้านบาท, สัญญาที่ 6 ช่วงอุดรธานี-สระใคร ระยะทาง 60.4 กม. วงเงิน 33,490 ล้านบาท, สัญญาที่ 7 ช่วงสระใคร-หนองคาย ระยะทาง 15.3 กม. วงเงิน 32,939 ล้านบาท และสัญญาที่ 8 ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย วงเงิน 7,700 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อว่า ขณะที่การเปิดประมูลโครงการไฮสปีดไทย-จีน เฟส 2 ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ปัจจุบัน รฟท. อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษารูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนฯ ตาม พ.ร.บ. การร่วม ลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โดย รฟท. ได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัท KU Consortium ซึ่งประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการศึกษา ระยะเวลา 8 เดือน โดยลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนมกราคม 2569
อย่างไรก็ดีการให้เอกชนร่วมลงทุนในการประมูลงานระบบบำรุงรักษา (O&M) ของโครงการนี้ จะใช้งบประมาณ 85,729.65 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาภายในเดือนมกราคม 2569 ก่อนเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) พ.ศ. 2562 ต่อไป
“กรณีที่บางสัญญาของไฮสปีดไทยจีน เฟส 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่ติดปัญหาการลงนามบางสัญญากับเอกชนจะกระทบต่อแผนการก่อสร้างของ เฟส 2 หรือไม่นั้น ขณะนี้ รฟท. อยู่ระหว่างการประกาศยกเลิกการประกวดราคา สัญญาที่ 4 - 5 ช่วงบ้านโพ พระแก้ว ก่อนดำเนินการประกวดราคาใหม่ คาดว่าจะเปิดประมูลหาผู้รับจ้างแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2569 ยืนยันว่าเป็นไปตามแผนงานของ รฟท. ที่มีกำหนดก่อสร้างโครงการ เฟส 1 ที่แล้วเสร็จภายในปี 2572” แหล่งจากกระทรวงคมนาคม กล่าว
ด้านการเวนคืนที่ดินของโครงการฯนี้ วงเงิน 12,418 ล้านบาท โดยมีพื้นที่เวนคืน จำนวน 1,991 แปลง เนื้อที่ จำนวน1,345 ไร่ รวมถึงสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 1,428 รายการ ปัจจุบัน รฟท. ได้นำส่งร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว คาดว่าจะออกประกาศและมีผลบังคับใช้ภายในปี 2569 ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2571
ส่วนแนวเส้นทางการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย มีระยะทางประมาณ 357 กม. จำนวน 5 สถานี ประกอบด้วย 1.สถานีบัวใหญ่ 2.สถานีบ้านไผ่ 3.สถานีขอนแก่น 4.สถานีอุดรธานี และ 5.สถานีหนองคาย ซึ่งเชื่อมต่อการเดินทางจากไทยไปลาวและจีน
สำหรับโครงการไฮสปีดไทย-จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย วงเงินลงทุน 341,351 ล้านบาท โดยตลอดเส้นทางทั้ง 2 ระยะ จะใช้ขบวนรถไฟรวมทั้งหมด 18 ขบวน ซึ่งเป็นมาตรฐานของจีน เบื้องต้นจะมีการสั่งซื้อขบวนรถไฟเพิ่ม 14 ขบวน จากเดิมที่มีขบวนรถไฟเพียง 4 ขบวน
นอกจากนี้รฟท.ได้คาดการณ์การผู้โดยสารและค่าโดยสารเมื่อเปิดให้บริการในปีแรกจะมีปริมาณผู้โดยสารตลอดสายช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ประมาณ 7,000 คนต่อวัน ซึ่งแบ่งการเปิดให้บริการออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการในระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา อยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 คนต่อวัน ในปี 2572
อย่างไรก็ดีในปีแรกที่เปิดให้บริการจะมีปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการช่วงนครราชสีมา-หนองคาย (ตลอดสาย) กว่า 1,000 คนต่อวัน ส่วนค่าโดยสารจะต้องมีการปรับปรุง เนื่องจากข้อมูลเดิมอิงจากผลการศึกษาเมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว ซึ่งจะมีการทบทวนตัวเลขผู้โดยสารและค่าโดยสารใหม่ในการศึกษาปัจจุบันอีกครั้ง
เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,146 วันที่ 6 - 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568