6 พ.ย.นี้ 'พิพัฒน์' เคาะแพ็คเก็จลดค่าครองชีพ ‘รถไฟฟ้า-ทางด่วน’

03 พ.ย. 2568 | 07:01 น.
อัปเดตล่าสุด :03 พ.ย. 2568 | 07:05 น.

‘พิพัฒน์’ สั่งรฟม.-คลัง ลุยศึกษาแพ็คเก็จลดค่าครองชีพ ‘รถไฟฟ้า 40 บาท-ทางด่วน 50 บาทตลอดสาย’ จ่อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าเอกชน ขีดเส้นชงคมนาคมไฟเขียว 6 พ.ย.นี้ ครอบคลุมบัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน หวังลดค่าครองชีพ-รับของขวัญปีใหม่ประชาชน

KEY

POINTS

  • นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เตรียมพิจารณาผลการศึกษาแนวทางการรวมศูนย์บริหารรถไฟฟ้าทุกสายในวันที่ 6 พ.ย. นี้ เพื่อนำไปสู่การทำบัตรโดยสารเหมาจ่าย
  • มีนโยบายลดค่าผ่านทางด่วนทุกเส้นทางให้เหลือสูงสุดไม่เกิน 50 บาทต่อเที่ยว คาดว่าจะเริ่มใช้เป็นของขวัญปีใหม่ได้ภายในสิ้นปี 2568
  • แพ็คเกจดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดภาระค่าครองชีพด้านการเดินทางของประชาชน ทั้งค่าโดยสารรถไฟฟ้าและค่าผ่านทางด่วน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งดำเนินการศึกษาข้อมูลแนวทางรวมศูนย์การบริหารจัดการระบบรถไฟฟ้าแบบองค์รวม (Single Ownership) เพื่อให้บริการบัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน ครอบคลุมกับโครงการรถไฟฟ้าทุกสาย 

ทั้งนี้นอกเหนือจากรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีม่วง ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2568 – 30 พ.ย. 2569 โดย รฟม. จะต้องไปดำเนินการศึกษาข้อมูลให้ชัดเจน ทั้งเรื่องเงินชดเชย เรื่องการซื้อคืนสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าจากเอกชนกลับมาเป็นของรัฐบาล ซึ่งจะต้องไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลังด้วย 
 

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า รฟม. ต้องสรุปผลการศึกษาเสนอกลับมายังกระทรวงคมนาคมในวันที่ 6 พ.ย.นี้ จากนั้นในวันที่ 11 พ.ย. 2568 จะเสนอไปยังที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ครั้งที่ 2/2568 ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 25 พ.ย. 2568 เพื่อให้เริ่มดำเนินการได้ทันภายในรัฐบาลชุดนี้

“ส่วนการซื้อคืนสัมปทานโครงการรถไฟฟ้า เมื่อกลับมาเป็นของรัฐบาลแล้ว จะใช้วิธีว่าจ้างให้เอกชนเข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการและเดินรถ ส่วนการจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับซื้อคืนสัมปทานนั้น ต้องไม่สร้างผลกระทบต่อภาระหนี้สาธารณะ” นายพิพัฒน์ กล่าว 

ขณะที่การจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Chage) เพื่อนำเงินมาซื้อคืนสัมปทานถือเป็นอีกแนวทางหนึ่ง แต่มองว่า อาจจะต้องใช้ระเวลาในการดำเนินการนานเกินไป จึงอาจจะต้องใช้แหล่งเงินทุนจากช่องทางอื่น หรืออาจจะวิธีการกู้เงินมาดำเนินการก่อน
 

สำหรับการปรับอัตราค่าโดยสาร 40 บาทตลอดสาย จะช่วยลดภาระค่าเดินทางของประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้อย่างเป็นรูปธรรม

รวมทั้งช่วยให้ระบบขนส่งมวลชนทางรางเป็นทางเลือกหลักของประชาชนมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งช่วยลดมลภาวะทางอากาศ หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ด้วย

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังมีนโยบายแพ็คเก็จลดค่าครองชีพในการเดินทางของประชาชน เบื้องต้นกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการเตรียมลดค่าผ่านทางพิเศษ (ทางด่วน) ทุกเส้นทางในอัตราสูงสุดไม่เกิน 50 บาทตลอดสายต่อครั้ง 

ทั้งนี้การลดค่าทางด่วน คาดว่าจะสามารถประกาศใช้เป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนได้ภายในสิ้นปี 2568  โดยแพ็คเก็จดังกล่าวยังไม่รวมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เนื่องจากมีโครงสร้างค่าผ่านทางที่แตกต่างกัน