KEY
POINTS
‘โครงข่ายทางสนับสนุนการเชื่อมต่อระบบขนส่งหลักของประเทศ ช่วงจังหวัดสมุทรสาคร-สมุทรปราการ’ หรือ ทางด่วนริเวียร่า 1 ในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่ได้รับการถ่ายโอนโครงการจากกรมทางหลวงชนบทให้กทพ.เป็นผู้ดูแล เพื่อความคล่องตัวมากขึ้น
แหล่งข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความคืบหน้าโครงข่ายทางสนับสนุนการเชื่อมต่อระบบขนส่งหลักของประเทศ ช่วงจังหวัดสมุทรสาคร-สมุทรปราการ หรือ ทางด่วนริเวียร่า ช่วงจังหวัดสมุทรสาคร-สมุทรปราการ นั้น
ถึงแม้ว่าทางด่วนสายนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนแม่บทในการพัฒนาของกทพ.อยู่แล้ว ปัจจุบันกทพ.อยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากนโยบายของรัฐบาลนี้เพื่อจัดลำดับความสำคัญก่อนเริ่มศึกษาโครงการฯต่อไป
ขณะเดียวกันกทพ.จะต้องพิจารณารายละเอียดทางด่วนสายนี้ด้วย เนื่องจากกรมทางหลวง (ทล.) อยู่ระหว่างพัฒนาโครงข่ายถนนด้านตะวันออกก่อน
โดยโครงการฯนี้เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง (MR-MAP) ของกรมทางหลวง (ทล.) ซึ่งมีจุดเชื่อมต่อบริเวณ MR10 เส้นทางวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3 ด้านทิศใต้
แหล่งข่าวจากกทพ.กล่าวต่อว่า ทั้งนี้โครงการทางด่วนริเวียร่าเชื่อม 2 จังหวัด มีเส้นทางที่ค่อนข้างยาว จากนั้นจะเริ่มดำเนินการศึกษาได้ภายในปี 2569 ใช้ระยะเวลาศึกษาไม่ต่ำกว่า 15 เดือน ซึ่งจะศึกษาแล้วเสร็จ คาดว่าเสนอโครงการตามขั้นตอนต่อกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในปี 2571
ส่วนรูปแบบการร่วมลงทุนของโครงการนี้คงต้องรอดูหลังผลการศึกษาแล้วเสร็จ โดยมีแนวโน้มเป็นรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ปัจจุบันพบว่าหนี้สาธารณะของภาครัฐเต็มเพดานแล้ว ซึ่ง กทพ. อาจต้องพิจารณาแหล่งเงินทุนอื่น ๆ นอกเหนือจากงบประมาณของรัฐ
“โครงการทางด่วนสายนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้งบลงทุนเยอะประมาณแสนล้าน ซึ่งเป็นปัญหาที่ยากจะเริ่มดำเนินโครงการฯ โดยกทพ.อาจจะต้องของบประมาณเพื่อสนับสนุนจากภาครัฐ แต่ไม่รู้ว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน หากใช้เงินจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) คงต้องรอดูนโยบายจากกระทรวงการคลังก่อน” แหล่งข่าวจากกทพ.กล่าว
อย่างไรก็ดีการก่อสร้างงานโยธาของโครงการทางด่วนริเวียร่าสมุทรสาคร-สมุทรปราการ มองว่าการให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนมีความเป็นไปได้มากกว่า
แต่สัดส่วนรูปแบบการร่วมลงทุน หากให้เอกชนลงทุนเพียงงานระบบบำรุงรักษา (O&M) จะเป็นอย่างไรหรือจะเป็นรูปแบบไหนคงต้องพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนอีกที
ส่วนสาเหตุที่กทพ.มีการศึกษาเส้นทางนี้ เนื่องจากเป็นแนวเส้นทางที่เชื่อมต่อโครงข่ายถนนเส้นทางวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3 ด้านทิศใต้ โดยในอนาคตเมืองจะมีความเจริญมากขึ้น หากมีโครงการนี้จะช่วยแบ่งเบาการจราจรติดขัดบริเวณถนนสายหลัก เช่น ถนนพระราม 2 และถนนบางนา-ตราด
สำหรับโครงข่ายทางสนับสนุนการเชื่อมต่อระบบขนส่งหลักของประเทศ ช่วงจังหวัดสมุทรสาคร-สมุทรปราการ” (สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการและถนนเชื่อมต่อ) หรือ ทางด่วนริเวียร่า ระยะทาง 71.60 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 109,250 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้าง 95,000 ล้านบาทและค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 14,250 ล้านบาท ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างทางด่วน-ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) -รถไฟ ประเมินว่าจะเป็นเส้นทางสายเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับการเดินทางและการท่องเที่ยวในอนาคต
นอกจากนี้โครงการทางด่วนริเวียร่าสมุทรสาคร-สมุทรปราการ มีทางขึ้น-ลง จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย 1.ทางขึ้น-ลง บางหญ้าแพรกเชื่อมต่อถนนสค.2020 2.ทางขึ้น-ลง โคกขามเชื่อมต่อทล.3423 3.ทางขึ้น-ลง บางขุนเทียน-ชายทะเลเชื่อมต่อถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล 4.ทางขึ้น-ลง แหลมฟ้าผ่า เชื่อมต่อถนนคลองสรรพสามิต 5.ทางขึ้น-ลง สุขุมวิท เชื่อมต่อถนนสุขุมวิท และ 6.ทางขึ้น-ลง แพรกษา เชื่อมต่อถนนแพรกษา
ด้านแนวเส้นทางของโครงการทางด่วนริเวียร่าสมุทรสาคร-สมุทรปราการ มีจุดเริ้มต้นโครงการบนทางหลวงหมายเลข 35 และทางยกระดับพระราม 2 เชื่อมต่อถนนพระราม 2 ที่จังหวัดสมุทรสาครข้ามแม่น้ำท่าจีนและข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
อย่างไรก็ดียังมีจุดสิ้นสุดโครงการฯอยู่บนทางหลวงหมายเลข 3268 (ถนนเทพารักษ์) กับทางหลวงหมายเลข 34 (ถนนบางนา-ตราด) อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเชื่อมต่อกับ MR10 เส้นทางวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 3 ด้านทิศตะวันออก
เมกะโปรเจ็กต์หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,140 วันที่ 16 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2568