'กทพ.' ดันต่อปี 69 ชงครม.เคาะ ' ทางด่วนเชื่อมเกาะสมุย' 5.5 หมื่นล้าน

15 ก.ย. 2568 | 00:00 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ย. 2568 | 04:05 น.

'กทพ.' กางแผนคืบหน้า 'ทางด่วนเชื่อมเกาะสมุย' 5.5 หมื่นล้านบาท ลุยจับมือ 4 หน่วยงาน MOU ลดต้นทุนก่อสร้างปักธงชงครม.ปลายปี 69 จ่อเปิดประมูลเริ่มปี 70

KEY

POINTS

  • กทพ. เตรียมเสนอโครงการทางด่วนเชื่อมเกาะสมุย มูลค่า 5.5 หมื่นล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติภายในปลายปี 2569
  • โครงการมีระยะทางประมาณ 37.41 กม. หากได้รับอนุมัติ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2572 และสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2577
  • จะใช้รูปแบบการลงทุนร่วมระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) และร่วมมือกับ 4 หน่วยงานสาธารณูปโภคเพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย ระยะทางประมาณ 37.41 กิโลเมตร มูลค่าลงทุนราว 55,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13-14 ก.ย.2568 ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อสำรวจแนวเส้นทางนั้น

ทั้งนี้ตามแผนของโครงการอยู่ระหว่างการศึกษา จากนั้นจะจัดประชุมกลุ่มย่อยครั้งที่ 3 ภายในเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2568 ก่อนที่จะสรุปผลการศึกษาของโครงการฯ

นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า หลังสรุปผลการศึกษาแล้วเสร็จจะเข้าสู่ขั้นตอนการขออนุมัติโครงการจากคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. พร้อมจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในช่วงต้นปี 2569

ขณะเดียวกันจะเข้าสู่ขั้นตอนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในปลายปี 2569 และหากได้รับความเห็นชอบในปี 2570 จะเข้าสู่การเปิดประมูล

ก่อนเริ่มกระบวนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินในปี 2571 จากนั้นจะเริ่มการก่อสร้างในปี 2572 โดยใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 5 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2577

ส่วนการลงทุนโครงการ จะใช้รูปแบบการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) เนื่องจากเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูง เบื้องต้น กทพ. จะลงทุนค่างานก่อสร้าง โดยให้ภาครัฐสนับสนุนบางส่วนในลักษณะของการอุดหนุน (subsidy)

นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงปลายปีนี้ กทพ. จะลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับหน่วยงานสาธารณูปโภค 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เพื่อร่วมลงทุนในโครงการฯ

สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับที่ 1 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ ร่วมกับทั้ง 4 หน่วยงานดังกล่าว หากการศึกษาเสร็จสิ้น จะดำเนินการลงนาม MOU ฉบับที่ 2 เพื่อกำหนดสัดส่วนการร่วมลงทุนของแต่ละหน่วยงานตามผลประโยชน์ที่ได้รับ

โดยเฉพาะการใช้สะพานเป็นทางผ่านสำหรับท่อส่งน้ำดิบ สายไฟฟ้า และระบบสื่อสาร ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนการก่อสร้างได้มหาศาลเมื่อเทียบกับการวางโครงสร้างใต้ทะเล

ส่วนรูปแบบการก่อสร้างประกอบด้วยสะพานหลักแบบ Cable-stayed สะพานรองแบบ Extradosed และสะพานทั่วไป เพื่อรองรับการเดินทางจากแผ่นดินใหญ่สู่เกาะสมุยโดยตรง ลดข้อจำกัดในการเดินทางทางเรือที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

ด้านแนวเส้นทางโครงการฯมีจุดเริ่มต้นกม.14+500 ของทางหลวงหมายเลข 4142(ทล.4142) พื้นที่ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี  

ก่อนตัดผ่านทล. 4142 บริเวณ กม.35+700  ต.ควนทอง อ.ขนอม จ. นครศรีธรรมราช จากนั้นมุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านทางหลวงชนบทหมายเลข นศ.4004  และอ่าวประทับ มุ่งหน้าทิศตะวันออก ตรงไปเกาะสมุย  

โดยตัดผ่านแนวปะการังส่วนที่แคบที่สุด(กว้าง 170 เมตร) เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับแนวปะการัง เชื่อมเกาะสมุยบริเวณเนินเขาแหลมสอและมีจุดสิ้นสุดโครงการเชื่อมต่อทล. 4170 บริเวณกม.9+000  ต.ตลิ่งงาม  อ.เกาะสมุย  ระยะทางรวม 37.41  กม.

อย่างไรก็ดีเมื่อโครงการฯ นี้แล้วเสร็จ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วยกระทันหัน

นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางจากเกาะมาสู่แผ่นดินใหญ่ เพิ่มขีดความสามารถด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว กระจายโอกาสการลงทุนและการจ้างงานในพื้นที่ ตลอดจนสร้างการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน