KEY
POINTS
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายหลังมอบนโยบายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงคมนาคม ในส่วนความคืบหน้าการแก้ไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงิน 2.24 แสนล้านบาท
โดยมีคู่สัญญาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัทเอเชีย เอราวัน จำกัด (ซีพี) เป็นเอกชนผู้รับสัมปทาน ซึ่งมีสัญญาสัมปทาน 50 ปี นั้น
ทั้งนี้จากการหารือร่วมกับปลัดกระทรวงคมนาคม ทราบว่าโครงการนี้ล่าช้ากว่า 6 ปี แล้ว เบื้องต้นกระทรวงคมนาคมจะมีการเชิญเอกชนผู้รับสัมปทาน ,สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และรฟท. หารือร่วมกันว่าจะเดินหน้าต่อในทิศทางใด คาดว่าจะหารือให้เร็วที่สุด
“ยืนยันว่าอะไรที่ทำให้เกิดความเสียหายจะไม่ทำ ซึ่งเราจะไม่เปิดช่องให้เอกชนแก้ไขสัญญา เพราะหากผิดกฎหมายก็ไม่ควรทำซึ่งตามสัญญาเดิมไม่ได้ระบุแบบนี้ หากท้ายที่สุดเกิดโดนฟ้องร้องใครจะรับผิดชอบ โดยเฉพาะในประเด็นตามสัญญาเดิมที่มีการระบุให้รัฐจ่ายเงินแก่เอกชนเมื่อมีการก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ขณะนี้ตามเงื่อนไขที่มีการแก้ไขสัญญาล่าสุดให้สร้างไปจ่ายไป โดยแบ่งจ่ายเงินเป็นงวดๆทุกงาน ซึ่งเราไม่เห็นด้วย ควรเดินตามสัญญาเดิมที่มีอยู่” นายพิพัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ดีในช่วงระยะเวลา 4 เดือน จะเร่งหาทางออก ถึงแม้ว่าจะไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ก็ตาม หากท้ายที่สุดแล้วยังหาทางออกไม่ได้อาจจะต้องมีการศึกษา
โดยปัจจุบันมีระบบรถไฟรางคู่ของรฟท.จากแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากรุงเทพฯและอู่ตะเภาได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ง่ายกว่า