KEY
POINTS
‘กรมทางหลวง’ 1 ในหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคมมักจะได้รับการจัดสรรงบประมาณเป็นอันดับ 1 เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างทางถนนขนาดใหญ่และขนาดเล็กหลายพันแห่งทั่วประเทศ
ภายหลังจาก ‘อธิบดีกรมทางหลวง’ คนก่อนเกษียณอายุราชการ ทำให้กรมทางหลวงต้องมีแม่ทัพใหญ่ในการสานต่อโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง
จากการทำงานของนายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล ที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในสายนี้อย่างยาวนาน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาก่อสร้างงานโครงการขนาดใหญ่อย่างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ต่างๆ จนได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง ‘อธิบดีกรมทางหลวงคนใหม่’
นอกจากนี้นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล ยังเป็นลูกหม้อของกรมทางหลวง โดยที่ผ่านมาเคยทำงานกับกรมทางหลวงในตำแหน่งผู้อำนวยการกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ซึ่งเป็นผู้ดูแลโครงการมอเตอร์เวย์ทุกแห่งในไทย
ก่อนเลื่อนตำแหน่งเป็นรองอธิบดีกรมทางหลวง จากนั้นถูกโยกย้ายมาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ก่อนเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล ได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงคมนาคมในยุครัฐบาลก่อนที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผลักดันเข้ารับตำแหน่งนี้ โดยขึ้นแท่นเป็นอธิบดีป้ายแดงของกรมทางหลวงคนที่ 35 ปัจจุบันอายุ 49 ปี ถือว่าเป็นอธิบดีกรมทางหลวงที่มีอายุน้อยที่สุด
นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 และได้รับมอบนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้ผลักดันโครงการๆต่างของกรมทางหลวงที่ยังค้างท่อเพื่อเปิดให้บริการแก่ประชาชนโดยเร็ว
“หลังจากเข้ารับตำแหน่งเป็นอธิบดี ในวันเดียวกันนั้นช่วงบ่ายได้เข้ากรมทางหลวงและมอบนโยบายใหม่พร้อมเปิดแผนการดำเนินงานด้านคมนาคมของกรมทางหลวงทันที” นายปิยพงษ์ กล่าว
ขณะเดียวกันกรมฯ มีความจำเป็นต้องปรับปรุงสัญญาการก่อสร้างให้มีข้อกำหนดที่ชัดเจนและรัดกุมยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อกำหนดมาตรการที่เป็นรูปธรรมสำหรับยกระดับความปลอดภัยในพื้นที่ก่อสร้างให้สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อปกป้องทั้งบุคลากรและประชาชนที่สัญจร
ส่วนความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety) จากโครงสร้างพื้นฐานยังคงเป็นประเด็นที่เน้นความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างพื้นฐานที่มีอายุการใช้งานมานาน โดยมีเป้าหมายคือการป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดจากความเสื่อมโทรม เช่น สะพานถล่ม, ถนนยุบตัว, หรืออันตรายจากอุปกรณ์ไฟฟ้าสาธารณะ จึงต้องมีมาตรการเชิงรุกในการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานให้อยู่ในสภาพดีและปลอดภัยต่อผู้ใช้งานเสมอ
สำหรับโครงการที่เร่งรัดการก่อสร้างเพื่อเปิดให้บริการได้ตามแผนภายในปี 2569 จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่–กาญจนบุรี
ปัจจุบันอยู่ระหว่างเก็บความเรียบร้อยของงาน โดยกระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดขยายเวลาทดลองเปิดให้บริการภายในเดือนตุลาคม 2568 เบื้องต้นขอหารือกับกระทรวงคมนาคมก่อนว่าจะมีการขยายเวลาเปิดครบทั้ง 8 ด่านหรือไม่ ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในเดือนมกราคม 2569
2.โครงการทางพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สาย M6 ช่วงบางปะอิน–โคราช ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างตอน 21 ซึ่งใช้ระยะเวลาการก่อสร้างนาน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีช่องเขา
โดยกรมฯมีเป้าหมายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 จะเปิดให้บริการจากกรุงเทพฯ-ปากช่อง และเร่งรัดก่อสร้างให้เสร็จได้ 1 ทิศทางขาออก
นอกจากนี้ช่วงบางปะอิน-โคราช จะมีการเปิดให้บริการห้องน้ำชั่วคราวเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในปลายปี 2569 และ
3.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว (M82) ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างที่อยู่บนถนนพระราม 2
เบื้องต้นจะเปิดให้บริการช่วงทางต่างระดับบางขุนเทียน–เอกชัย ระยะทาง 8.3 กม. สามารถใช้การจราจรได้ทั้ง 2 ทิศทาง ภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว จะเร่งรัดเปิดให้บริการได้ภายในเทศกาลสงกรานต์ 2569
ขณะเดียวกันยังมีโครงการขนาดใหญ่ของกรมทางหลวงที่เร่งรัดเปิดประมูลในปี 2569 จำนวน 3 โครงการ วงเงินรวม 26,524 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.โครงการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทาง (Rest Area) บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี ประกอบด้วย ที่พักริมทาง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ สถานที่บริการทางหลวงนครชัยศรี สถานที่บริการทางหลวงนครปฐม และจุดพักรถท่ามะกา จำนวน 1 สัญญา วงเงิน 1,300 ล้านบาท
และ 2.โครงการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทาง (Rest Area) บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน – นครราชสีมา ประกอบด้วย ที่พักริมทาง 8 ตำแหน่ง ได้แก่ จุดพักรถวังน้อย
จุดพักรถหนองแค สถานที่บริการทางหลวงสระบุรี จุดพักรถทับกวาง ศูนย์บริการทางหลวงปากช่อง จุดพักรถลำตะคอง สถานที่บริการทางหลวง สีคิ้ว และจุดพักรถขามทะเลสอ จำนวน 2 สัญญา วงเงิน 9,500 ล้านบาท
โดยทั้ง 2 โครงการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเสนอต่อคณะกรรมการ PPP พิจารณาเห็นชอบเร็วๆนี้ คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายใน 4 เดือน
3.โครงการคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal: RFP) และร่างสัญญาร่วมลงทุน ในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับช่วง บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว วงเงิน 15,724 ล้านบาท สัญญาสัมปทาน 32 ปี อยู่ระหว่างประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน คาดว่าจะเปิดประมูลไม่เกิน 4 เดือน
ขณะที่ความคืบหน้าโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 8 (มอเตอร์เวย์) ช่วงนครปฐม-ปากท่อ-ชะอำ ระยะที่ 1 ช่วงนครปฐม-ปากท่อ ระยะทาง 61 กิโลเมตร(กม.) วงเงินลงทุน 61,154 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้างงานโยธา 40,162 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 14,400 ล้านบาท และค่าก่อสร้างงานระบบ 6,591 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจุบันได้มีการเสนอโครงการฯต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว อยู่ระหว่างรอเสนอต่อคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นชอบ โดยกรมฯจะเป็นผู้ก่อสร้างงานโยธาเอง ซึ่งในปีงบประมาณ 2569 ได้รับจัดสรรงบประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อมาดำเนินการในโครงการนี้
“โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่มีความพร้อมที่สุดและประชาชนรอใช้บริการมากที่สุด อย่างไรก็ดีกรมฯจะมีการขอรับจัดสรรปีงบประมาณ 2570 หากไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ 30,000 ล้านบาท จะต้องพิจารณาสภาพคล่องของกองทุนมอเตอร์เวย์เพื่อนำงบประมาณเพื่อสมทบในการก่อสร้างประมาณ 10,000 ล้านบาท” นายปิยพงษ์ กล่าว
นายปิยพงษ์ ให้สัมภาษณ์ต่อว่า ในปีงบประมาณ 2569 กรมทางหลวงได้รับการจัดสรร 1.31 แสนล้านบาท โดยเร่งเบิกจ่ายโครงการขนาดเล็กประมาณ 4,000 โครงการ วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท และโครงการขนาดใหญ่ จำนวน 99 โครงการ วงเงินรวม 75,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าหมายเร่งรัดเปิดประมูลงานปีเดียว จำนวน 4,000 สัญญา และลงนามสัญญาจ้างเพื่อก่อสร้างภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2569 ส่วนโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ จะเริ่มทยอยดำเนินการปรับแบบและทบทวนราคาก่อนเปิดประมูลก่อสร้างภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,137 วันที่ 5 - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2568