KEY
POINTS
ที่ผ่านมา “การทางพิเศษแห่งประเทศไทย” ได้ดำเนินการประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนของ “โครงการทางด่วนกะทู้-ป่าตอง” ระยะที่ 1 แต่พบว่าไม่มีเอกชนรายใดมายื่นข้อเสนอเพื่อเข้าร่วมลงทุน เนื่องจากเอกชนเล็งเห็นว่าค่าลงทุนโครงการฯ เกินกว่าที่ กทพ. คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้รูปแบบการลงทุนมีความเสี่ยงสูงที่เอกชนจะไม่ได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่เหมาะสม จึงไม่สามารถจูงใจให้เอกชนสนใจเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการฯ ได้ เป็นเหตุให้กทพ.ต้องทบทวนรูปแบบการลงทุนและเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบใหม่อีกครั้ง
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความคืบหน้าโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกระทู้ -ป่าตอง (ระยะที่ 1) ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร
หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ให้ กทพ. ปรับรูปแบบการลงทุนของจากการให้เอกชนร่วมลงทุนตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565
เป็นการให้ กทพ. ดำเนินโครงการโดยการจ้างออกแบบควบคู่การก่อสร้าง (Design & Build) ในกรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างรวมค่าควบคุมงาน จำนวน 10,964.77 ล้านบาทนั้น
ทั้งนี้ตามแผนกทพ.จะประกาศเชิญชวนหาเอกชนผู้รับจ้าง (ทีโออาร์) เพื่อก่อสร้างโครงการภายใน 3 เดือนหรือไม่เกินเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าจะได้ตัวผู้ชนะการประมูลภายในต้นปี 2569 ซึ่งจะเริ่มการก่อสร้างภายในปี 2569 ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี ก่อนเปิดให้บริการภายในปี 2572
“ส่วนประเด็นที่ครม.อนุมัติให้ กทพ. กู้เงิน หรือออกพันธบัตรมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ 1 ในกรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างรวมค่าควบคุมงาน จำนวน 10,964.77 ล้านบาท โดยให้ กทพ. ทำความตกลงกับกระทรวงการคลังในการจัดหาแหล่งเงินลงทุนโครงการที่เหมาะสมนั้น
ขณะนี้กทพ.อยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เพื่อจัดหาแหล่งเงินกู้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
ด้านการเวนคืนที่ดินของโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกระทู้ -ป่าตอง (ระยะที่ 1) เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการเวนคืนที่ดินแล้วเสร็จภายในปลายปี 2568 ซึ่งมีพื้นที่ที่ถูกเวนคืนที่ดิน จำนวน 110 ราย สิ่งปลูกสร้างทั้งสิ้น 160 หลัง โดยมีค่าจัดกรรมสิทธิ์และที่ดิน วงเงิน 5,793 ล้านบาท
สำหรับโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) สายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 3.98 กม. มีแนวเส้นทางเริ่มต้นที่ ต.ป่าตอง บริเวณจุดตัด ถ.พระเมตตา ก่อสร้างเป็นทางยกระดับและอุโมงค์ขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง
โดยเป็นทางยกระดับข้าม ถ.พิศิษฐ์กรณีย์ จนถึงเขานาคเกิดแล้วจึงเป็นอุโมงค์คู่ จากนั้นเป็นทางยกระดับและสิ้นสุดโครงการที่ ต.กะทู้ บริเวณจุดตัดกับ ทล. 4029 มีทางขึ้น-ลง 2 แห่ง และมีด่านเก็บค่าผ่านทางตั้งอยู่บริเวณ ต.กะทู้ 1 ด่าน
นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าโครงการทางด่วนกะทู้-ป่าตอง ระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ จังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 30.62 กิโลเมตร วงเงิน 45,930 ล้านบาท ประกอบด้วย
ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 21,188 ล้านบาท , ค่าก่อสร้างงานโยธา 22,620 ล้านบาท, ค่าควบคุมงานก่อสร้าง 604 ล้านบาท และค่าก่อสร้างงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและระบบควบคุมจราจร (งานระบบ) 1,518 ล้านบาท นั้น
ขณะนี้ตามแผนกทพ.จะเสนอโครงการในระยะที่ 2 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนเมษายน 2569 ก่อนเปิดประมูลหาผู้รับจ้างเพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อไป โดยที่ผ่านมาโครงการนี้ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนแล้วเสร็จ ซึ่งมีการสรุปแนวเส้นทางแล้ว
ทั้งนี้ตามแผนทั้ง 2 โครงการ เบื้องต้นกทพ.จะเปิดประมูลให้เอกชนลงทุนติดตั้งงานระบบบำรุงรักษาและระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง (O&M) ในรูปแบบ PPP วงเงินรวม 27,030 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้างงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง ระยะที่ 1 วงเงิน 712 ล้านบาท และค่าก่อสร้างงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง ระยะที่ 2 วงเงิน 1,518 ล้านบาท
ขณะที่งานระบบบำรุงรักษา (O&M) ระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี รวมทั้ง 2 โครงการ วงเงิน 24,800 ล้านบาท ส่วนกทพ.เป็นผู้ลงทุนค่าก่อสร้างงานโยธาทั้ง 2 โครงการเอง
สำหรับผลการศึกษาโครงการได้คาดการณ์ปริมาณจราจร ณ ปีเปิดให้บริการ ประมาณ 69,386 คันต่อวัน โดยโครงการมีอัตราผลตอบแทนด้านการเงิน (FIRR) เท่ากับ 1.82% และโครงการนี้มีความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ อัตราผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) เท่ากับ 18.85%
อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ตทั้ง 2 โครงการแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบนถนนเทพกระษัตรี (ทางหลวงหมายเลข 402) และถนนพระบารมี (ทางหลวงหมายเลข 4029) ตลอดจนเพิ่มศักยภาพด้านการคมนาคมและแก้ไขปัญหาการจราจรในจังหวัดภูเก็ต
เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,131 วันที่ 14 - 17 กันยายน พ.ศ. 2568