KEY
POINTS
ปัจจุบัน “กรมเจ้าท่า” ยังคงผลักดันโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) โดยเฉพาะในพื้นที่อ.เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอ.เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งโครงการสำคัญที่ตั้งเป้าหมายยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเล
นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (สคร.) มีความเห็นให้กรมฯ กลับมาทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ทำให้แผนความคืบหน้าโครงการมีการขยับออกไปอีก
ขณะเดียวกันจากความเห็นของสคร.เบื้องต้นกรมฯได้ขอรับจัดสรรงบประมาณปี 2569 จ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) วงเงินศึกษาประมาณ 5 ล้านบาท จะเริ่มดำเนินการภายในปลายปีนี้คาดว่ารายงาน EHIA แล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2570
ทั้งนี้ตามแผนจะเสนอต่อ สคร.,กระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในในปลายปี 2570-ต้นปี 2571
จากนั้นคาดว่าจะเริ่มกระบวนการเปิดประมูลในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) สัญญาสัมปทาน 30 ปี และได้ตัวผู้ชนะการประมูล ภายในปี 2572 ก่อนดำเนินการก่อสร้างใช้เวลาราว 3 ปี ซึ่งจะเปิดให้บริการประมาณปี 2575
“ขณะนี้กรมฯ ได้รับข้อมูลว่ามีบริษัทเรือต่างชาติและบริษัทในประเทศให้ความสนใจร่วมลงทุนในโครงการฯนี้ แต่ยังต้องรอการพิจารณาสถานการณ์ต่างๆในไทยและต่างประเทศในระยะใกล้ๆอีกครั้ง ส่วนสาเหตุที่ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP เนื่องจากกรมฯต้องการหาเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการบริหาร โดยเฉพาะการจัดหาแหล่งเงินทุนมาดำเนินการ” นายกริชเพชร กล่าว
ขณะเดียวกันจากการศึกษาโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะสมุย บริเวณแหลมหินคม ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพื้นที่รวม 47-38-6 ไร่ เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่มากที่สุด
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี วงเงินลงทุน 6,415 ล้านบาท แบ่งเป็น
งบประมาณ 6,009 ล้านบาท และงบประมาณจากการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) วงเงิน 406 ล้านบาท ซึ่งมีรูปแบบการลงทุน PPP Gross Cost สัญญาสัมปทาน 30 ปี
ด้านการก่อสร้างในรูปแบบอาคารผู้โดยสาร พื้นที่อย่างน้อย 7,200 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 1,200 คนต่อชั่วโมงขณะที่ท่าเรือสำราญจะสามารถรองรับเรือสำราญได้พร้อมกัน 2 ลำ ได้แก่ เรือสำราญขนาดใหญ่ 4,000 คน
เรือสำราญขนาดกลาง 2,500 คน และรองรับเรือยอชต์สูงสุด 80 ลำ และเรือเฟอร์รี่สูงสุด 6 ลำ ซึ่งท่าเรือมีขนาดความยาวหน้าท่า 362 เมตร ความลึกร่องน้ำ 12 เมตร อาคารผู้โดยสารบรรจุ 3,600 คน
นายกริชเพชร กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) บริเวณอ่าวไทยตอนบน บริเวณแหลมบาลีฮาย อ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเช่นกัน คาดว่าจะเริ่มกระบวนการศึกษาได้ หลังจากรายงาน EHIA ของโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี แล้วเสร็จ
“กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายให้โครงการท่าเรือสำราญ อ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) ทำให้มีความจำเป็นต้องกลับมาจัดทำรายงาน EHIA เช่นเดียวกัน ในระหว่างที่รอดำเนินการนั้น ปัจจุบันบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี มีท่าเรือโดยสารรองรับการให้บริการผู้โดยสารอยู่แล้ว ซึ่งยังสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้” นายกริชเพชร กล่าว
นายกริชเพชร กล่าวต่อว่า การเวนคืนที่ดินของโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) บริเวณอ่าวไทยตอนบน บริเวณแหลมบาลีฮาย อ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ทางทะเล กว่า 40 ไร่ ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) บริเวณอ่าวไทยตอนบน บริเวณแหลมบาลีฮาย อ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี วงเงินลงทุน 7,412 ล้านบาท แบ่งเป็น
1. ค่าลงทุน 5,934 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานนอกชายฝั่ง 4,315 ล้านบาท ท่าเทียบเรือ อาคารผู้โดยสาร 2,881 ล้านบาท
สะพานเชื่อมท่าเรือ 675 ล้านบาท ลานจอดรถ 567 ล้านบาท ท่าเรือโดยสาร และเรือเร็ว 192 ล้านบาท)ค่าอุปกรณ์ 400 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 608 ล้านบาท และถนนยกระดับ 1,611 ล้านบาท
2.ค่าดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) 1,478 ล้านบาท ด้านการก่อสร้างโครงการฯ เป็นท่าเรือมีลักษณะผสมผสาน (Hybrid) คือเป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) รองรับเรือขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 1,500 คน และเป็นท่าเรือแวะพัก (Port of call)
นอกจากนี้โครงการท่าเรือสำราญ อ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี สามารถรองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร 3,500-4,000 คน อีกทั้งยังเป็นท่าเรือใหม่ห่างจากชายฝั่งลงไปในทะเลประมาณ 1 กม.เพื่อลดการเวนคืนที่ดินให้มากที่สุด และรองรับเรือขนาดใหญ่ ที่ความลึกร่องน้ำประมาณ 12-14 เมตร
อย่างไรก็ตามยังสามารถรองรับเรือสำราญขนาดระวางบรรทุก 236,000 ตันกรอส ได้พร้อมกัน 2 ลำ ความยาวท่าเทียบเรือรวม 420 เมตร และอาคารผู้โดยสาร รองรับได้ 3,500-4,000 คนต่อเที่ยว มีโถงพักคอย
มีจุดตรวจความปลอดภัย จุดเช็กอินรับบัตรโดยสาร 60 ช่อง จุดตรวจคนเข้าเมือง 26 ช่อง จุดฝากสัมภาระ อาคารและลานจอด รองรับรถยนต์ได้ 132 คัน และรถบัส 82 คัน
เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,125 วันที่ 24 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568