“สนข.” สแกนพื้นที่ระนอง ศึกษาแผนลงทุน 2 ท่าเรือ รับ “แลนด์บริดจ์”

06 ส.ค. 2568 | 06:07 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ส.ค. 2568 | 06:15 น.

“สนข.” ลงพื้นที่จ.ระนอง เดินหน้าเปิดรับฟังความเห็นประชาชน รอบ3 ลุยศึกษาแผนลงทุน 2 ท่าเรือ ปลุก “แลนด์บริดจ์” เล็งจัดทำร่างมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม

KEY

POINTS

  • สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 3 ที่จังหวัดระนอง เพื่อศึกษาความเหมาะสมและรูปแบบการลงทุนพัฒนาท่าเรือแหลมอ่าวอ่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแลนด์บริดจ์
  • โครงการแลนด์บริดจ์จะพัฒนาท่าเรือ 2 แห่งพร้อมกัน คือที่ระนอง (ฝั่งอันดามัน) และชุมพร (ฝั่งอ่าวไทย) ภายใต้หลักการ "ท่าเรือเดียวเชื่อมสองฝั่ง" (One Port, Two Sides)
  • นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้ สนข. เร่งผลักดันโครงการ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด เพื่อพัฒนาเป็นท่าเรือสีเขียว (Green Port)
  • แผนการลงทุนจะพัฒนาท่าเรือน้ำลึกให้ทันสมัยโดยใช้ระบบ Automation พร้อมสร้างถนนและทางรถไฟเชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อเป็นเส้นทางขนส่งทางเลือกใหม่แทนช่องแคบมะละกา
  • สนข. จะนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการประชุมไปใช้กำหนดร่างมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมให้สามารถปฏิบัติได้จริง

นายจิรโรจน์ ศุกลรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เปิดเผยว่า ภายหลังการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 3 โครงการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมอ่าวอ่าง อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ภายใต้โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model)

โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) นั้น

ทั้งนี้การเปิดรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง สถาบันการศึกษา ผู้นำชุมชนผู้แทนกลุ่มอาชีพ เครือข่ายภาคประชาสังคม

นักวิชาการและผู้ที่อาจได้รับผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบจากการพัฒนาโครงการ รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

นายจิรโรจน์ กล่าวว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เร่งรัดผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ 

“สนข.” สแกนพื้นที่ระนอง ศึกษาแผนลงทุน 2 ท่าเรือ รับ “แลนด์บริดจ์”

ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำต่อกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน เพื่อกำหนดร่างมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปได้ในทางปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การพัฒนาท่าเรือฝั่งอันดามันในพื้นที่จังหวัดระนอง และท่าเรือฝั่งอ่าวไทยในพื้นที่จังหวัดชุมพร เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Green Port ตามนโยบายที่มอบให้ไว้กับ สนข. 
 

สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ ใช้หลักการท่าเรือเดียวเชื่อมสองฝั่ง (One Port  Two Sides) ที่จะต้องก่อสร้างและบริหารงานพร้อมกันทั้งโครงการ ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นท่าเรือน้ำลึกที่ทันสมัย โดยได้มีการศึกษาความเหมาะสมการบริหารจัดการท่าเรือ ด้วยระบบ Automation มาใช้ในการขนย้ายสินค้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงสร่างพื้นฐานทางถนน และทางรถไฟเชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อสนับสนุนนโยบายด้านการขนส่งของปะเทศไทยจากการได้เปรียบทางที่ตั้งและภูมิศาสตร์ในภาคใต้ที่มีลักษณะทางกายภาพสามารถเปิดสู่ทะเลทั้งสองด้าน 

อย่างไรก็ดีจึงเป็นโอกาสที่จะได้ใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งดังกล่าว เพื่อนำมาพัฒนาเป็นเส้นทางทางเลือกในการขนส่งสินค้าทางทะเล เพื่อเชื่อมโยงฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน นอกเหนือจากการขนส่งสินค้าผ่านช่องแคบมะละกาในปัจจุบัน

“สนข.” สแกนพื้นที่ระนอง ศึกษาแผนลงทุน 2 ท่าเรือ รับ “แลนด์บริดจ์”

ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและศักยภาพทางการค้าของประเทศไทยกับกลุ่มประเทศที่อยู่ทางด้านมหาสมุทรอินเดีย 

สอดคล้องต่อยุทธศาสตร์ นโยบาย และผลการศึกษาของโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแลนด์บริดจ์ต่าง ๆ ในภูมิภาคภาคใต้ของประเทศไทย เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าสองฝั่งทะเล (อ่าวไทย - อันดามัน) ต่อไป
 

นายจิรโรจน์ กล่าวต่อว่า หลังจากการเปิดรับฟังความเห็นในครั้งนี้ เบื้องต้น สนข. จะนำเอาข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นต่าง ๆ มากำหนดร่างมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปได้ในทางปฏิบัติอย่างเคร่งครัด 

“สนข.” สแกนพื้นที่ระนอง ศึกษาแผนลงทุน 2 ท่าเรือ รับ “แลนด์บริดจ์”

ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยต่อการดำเนินโครงการและให้ สนข. รีบดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสที่ดี ที่จะทำให้ประเทศไทย 

ก้าวสู่การเป็นเส้นทางเดินเรือใหม่ของโลก และเป็นศูนย์กลางการขนส่งและเศรษฐกิจใหม่ทางทะเล ที่จะสร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างแท้จริง