บทสรุป “แลนด์บริดจ์” เมกะโปรเจ็กต์รัฐบาล ชนโจทย์หิน-ฝ่าหลายด่าน

06 พ.ค. 2568 | 23:38 น.

ผ่าบทสรุป “แลนด์บริดจ์” เมกะโปรเจ็กต์รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ผลการศึกษา และการรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ หากดันต่อไม่ง่าย ต้องฝ่าอีกหลายด่านก่อนโครงการเกิด

โครงการแลนด์บริดจ์” หรือโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่ง ระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน นับเป็นหนึ่งในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ที่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร พยายามผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อเป็นกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกครั้ง นอกเหนือไปจากการมุ่งพัฒนาบิ๊กโปรเจกต์ในเมืองหลวง

ล่าสุดในการขับเคลื่อน “โครงการแลนด์บริดจ์” ได้มีความก้าวหน้าไปอีกขั้น หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 มีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ สภาผู้แทนราษฎร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมแจ้งให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป 

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงคมนาคมได้เสนอสรุปผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การศึกษา “โครงการแลนด์บริดจ์” ของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปออกมาเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้

ด้านการศึกษา 

ได้มีการศึกษาความเป็นได้ของปริมาณตู้สินค้าที่จะผ่านโครงการดังกล่าว สำรวจออกแบบ และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางรถไฟ ช่วงชุมพร - ท่าเรือน้ำลึกระนอง ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เพื่อคาดการณ์ปริมาณสินค้า 

โดยจัดทำแบบจำลองเพื่อวิเคราะห์ทั้งกรณีไม่มีโครงการและมีโครงการ พบว่า ในปี พ.ศ. 2573 จะมีปริมาณสินค้าส่งผ่านเส้นทางรถไฟทางคู่สายนี้ 1.34  แสน TEU/ปี และเพิ่มเป็น 2.62 ล้าน TEU/ปี ในปี พ.ศ. 2602

ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม และเวนคืนที่ดิน 

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง กรมทางหลวง อยู่ระหว่างดำเนินการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายชุมพร - ระนอง 

ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 เพื่อศึกษารายละเอียดของทางรถไฟ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างท่าเรือฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะได้มีการบูรณาการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของทั้ง 3 หน่วยงานต่อไป

 

บทสรุป “แลนด์บริดจ์” เมกะโปรเจ็กต์รัฐบาล ชนโจทย์หิน-ฝ่าหลายด่าน

 

ด้านการขับเคลื่อนโครงการ 

ได้มีการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดในการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ถึงจังหวัดสงขลา คณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย มีมติเห็นชอบในการขออนุมัติโครงการ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 รวมถึงการขยายเส้นทางไปถึงด่านปาดังเบซาร์ คณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย มีมติเห็นชอบในการขออนุมัติโครงการ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 

ทั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

ด้านความมั่นคง 

ได้มีการหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยมีการประเมินความเสี่ยง ผลกระทบ และเตรียมความพร้อมในมิติความมั่นคงและการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ประกอบด้วย ประเด็นทางกฎหมาย ความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อาชญากรรมข้ามชาติ ภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองระหว่างประเทศ และการส่งเสริมขีดความสามารถด้านสมุทราภิบาล

ด้านกฎหมาย 

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า การนำพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 มาเป็นต้นแบบในการยกร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. .... เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เนื่องจากมีบริบทที่แตกต่างกัน จึงควรนำปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ มาประกอบการพิจารณาด้วย

ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน 

ได้มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเผยแพร่ข้อมูลของโครงการดังกล่าวให้เกิดการรับรู้และเกิดความเข้าใจที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย

 

บทสรุป “แลนด์บริดจ์” เมกะโปรเจ็กต์รัฐบาล ชนโจทย์หิน-ฝ่าหลายด่าน

 

ด้านเศรษฐกิจ 

ได้มีการคาดการณ์ถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจของการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์จะทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ และจะเป็นส่วนช่วยให้ GDP ของประเทศไทยมีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น

ด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการเวนคืน และอื่น ๆ

ได้ดำเนินการจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ SEA เสร็จแล้วเมื่อปี 2559 และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่าหากมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใด ๆ ในพื้นที่นำเสนอที่เป็นมรดกโลกและพื้นที่กันชน จะต้องจัดทำมาตรการบรรเทาผลกระทบที่ชัดเจน 

อย่างไรก็ดี หากมีการศึกษาแล้วว่าโครงการมีความคุ้มค่าและเหมาะสมต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งมีแผนที่จะฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กลับคืนมาเหมือนเดิม ขอให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมาย รวมทั้งนโยบายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป