KEY
POINTS
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ร้อนระอุอย่างต่อเนื่อง เป็นที่น่าจับตาว่าการผลักดันสารพัดบิ๊กโปรเจ็กต์เรือธงของรัฐบาลนี้ภายใต้การดูแลของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะสามารถเดินหน้าต่อหรือบางโครงการส่อพับแผนหรือถูกชะงักลง
ประเดิมที่กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่ 1 ก.ค. 2568 จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย จากกรณีคลิปเสียงการสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน ประธาน วุฒิสภาแห่งกัมพูชา
รวมถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ในช่วงที่ผ่านมา เป็นจุดชนวนที่อาจกระทบต่อบิ๊กโปรเจ็กต์ค้างท่อของรัฐบาลได้
สำหรับโครงการแรก “นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” โดยตั้งเป้าให้ประชาชนสามารถใช้ได้ทุกเส้นทางภายในเดือนกันยายนนี้
ล่าสุดนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย โดยมาตรการนี้มีระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.68 ถึง 30 ก.ย. 69 หรือตามมติคณะรัฐมนตรี
“โดยยืนยันว่าโครงการนี้ยังคงเดินหน้าต่อ ขณะเดียวกันผู้ให้บริการรถไฟฟ้าในปัจจุบันมีรูปแบบสัญญาสัมปทานและสัญญาจ้างเดินรถที่มีข้อกำหนดหรือเงื่อนไขทางธุรกิจแตกต่างกัน จึงได้กำหนดให้ประชาชนลงทะเบียนตามเงื่อนไขที่กำหนดบนแอปพลิเคชั่นทางรัฐ เพื่อรองรับการใช้งานตามโนบาย” นายสุริยะ กล่าว
สำหรับเงื่อนไขการลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวบุคคลที่มีสัญชาติไทย โดยระบุเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก บัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรโดยสาร (Rabbit Card ที่ลงทะเบียน) ที่จะใช้งานกับระบบรถไฟฟ้า ผ่านแอปฯ ทางรัฐ ซึ่งจะเริ่มลงทะบียนภายในเดือนส.ค.นี้
ทั้งนี้บัตรที่ได้รับการยืนยันการลงทะเบียนจะได้สิทธิโดยอัตโนมัติ เมื่อใช้งานหลังจากเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 68 ครอบคลุมทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 8 สาย 13 เส้นทาง ระยะทาง 286.84 กม.จำนวน 193 สถานี ประกอบด้วย
รถไฟฟ้าสายสีเขียว,สีทอง,สีเหลือง,สีชมพู,สีน้ำเงิน,สายสีม่วง,สายสีแดง และ สายแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL)
สำหรับการใช้บริการรูปแบบบัตร Rabbit Card ใช้ได้กับสายสีเขียว, สีทอง, เหลือง, ชมพู ขณะที่บัตร EMV Contactless (Visa/Mastercard) ใช้กับ 6 สาย คือ
สายสีแดง, น้ำเงิน, ม่วง, ชมพู, เหลือง, ARL ไม่รวมสีทองและสีเขียว คาดว่าในอนาคตจะมีการเปิดระบบสแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนทุกภาคส่วน
ต่อมา “ระบบตั๋วร่วม” หนึ่งในกฎหมายที่ต้องเดินหน้าควบคู่ไปกับนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยกรอบกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ
ตลอดจนการจัดตั้งกองทุนระบบตั๋วร่วมที่ต้องนำเงินอุดหนุนกองทุนฯเพื่อชดเชยรายได้จากผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าในแต่ละเส้นทาง ปัจจุบันเตรียมเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาในวาระที่ 2 และวาระที่ 3
ขณะที่ “โครงการแลนด์บริดจ์” 1 ในบิ๊กโปรเจ็กต์เรือธงที่เดินหน้าโรดโชว์หลายประเทศเพื่อดึงนักลงทุนไทยและต่างชาติร่วมลงทุนที่มีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านบาท
แต่โครงการนี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีการผลักดันร่างพระราชบัญญัติระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. .... (ร่างพ.ร.บ.SEC) อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเปิดทางการเพิ่มโอกาสด้านเศรษฐกิจการลงทุนในอนาคต
ทั้งนี้โครงการแลนด์บริดจ์จำเป็นต้องรอร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (พ.ร.บ. SEC) ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้เปิดรับความคิดเห็นภาคเอกชนประกอบ โดยเสนอไปที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว
ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกรมบัญชีกลางช่วยตรวจสอบประเด็นแหล่งเงินของกองทุนแลนด์บริดจ์ ที่จะนำมาใช้สำหรับชดเชยเป็นค่าเวนคืนที่ดินจากการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ 4 จังหวัด คือ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร ระนอง หากเสนอ ครม.ขออนุมัติได้ใน 1-2 เดือน
ตามแผนคาดว่าร่าง พ.ร.บ. SEC จะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2568 พร้อมจัดตั้งสำนักงาน SEC ก่อนเปิดประมูลคัดเลือก PPP ในช่วงต้นปี 2569
ส่วนนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ที่รัฐเร่งผลักดันให้มีร่างกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร จนแล้วเสร็จ
ซึ่งผ่านกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน ผ่านความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา และเตรียมเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาฉบับนี้โดยเร็ว โดยเฉพาะการเดินหน้าปักหมุดพื้นที่กาสิโนในประเทศนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่ กระทรวงการคลัง (กค.) นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา อนุมัติให้ถอน “ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ….” ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
สาเหตุที่กระทรวงการคลัง ได้เสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรนั้นเนื่องจากได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและมีการแต่งตั้งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568
ประกอบกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาคสังคม เห็นสมควรถอน ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
ดังนั้นจึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ และหากไม่มีข้อทักท้วงหรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่นให้ถือเป็นมติคณะรัฐมนตรี
โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอตามเหตุผลดังกล่าวข้างต้น
ถึงแม้ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ….ถูกถอนแล้ว แต่ยังมีกระแสว่า 1 ในพื้นที่เป้าหมายโครงการนี้ อาจหนีไม่พ้นที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ที่มีแผนทบทวนการพัฒนาท่าเรือคลองเตยเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ กว่า 2.3 พันไร่ เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ซึ่งจะต้องอาศัยดันร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ตามที่ ครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2568
โดยที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.การท่าเรือฯ วาระ 1 แล้วเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2568 และเตรียมเสนอสภาฯพิจารณาวาระ 2 และ 3 ต่อไป
ฟากโครงการบ้านเพื่อคนไทย” 1 ในบิ๊กโปรเจ็กต์ของกระทรวงคมนาคม โดยใช้ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บนทำเล 4 แห่ง รวม 12,000 ยูนิต ประกอบด้วย
ที่ดินบางซื่อ กม. 11 ,ที่ดินสถานีธนบุรี ,ที่ดินเชียงราก จังหวัดปทุมธานี ที่ดินเปล่าตรงข้ามสถานีรถไฟเชียงใหม่ ถนนเจริญเมือง รวม 15 ไร่
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้คนไทยที่ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง และไม่มีประวัติค้างชำระเครดิตบูโร ได้จองสิทธิ์ที่พักผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แต่ปัจจุบันโครงการนี้ยังนิ่ง อีกทั้งยังไม่มีการอัพเดตโครงการให้ประชาชนเป็นระยะๆเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับช่วงแรกที่เดินหน้าโครงการ
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้ฤกษ์จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจับสลากเพื่อหาผู้ได้รับสิทธิโครงการบ้านเพื่อคนไทยระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกับบริษัทเอสอาร์ที แอสเสท จำกัด
ขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาเบื้องต้นจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แล้ว จำนวน 130,000 คน จากทั้งหมดที่มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 260,000 คน โดยจะนำร่องจับสลากรายชื่อผู้โชคดี จำนวน 5,000 คน
ส่วนขั้นตอนหลังจากการลงนามสัญญาดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นบริษัทเอสอาร์ทีฯ จะหารือร่วมกับสำนักสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อดำเนินการจับสลากหาผู้โชคดี
จากนั้นจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและดำเนินการจับสลากได้ภายในเดือนตุลาคม 2568 ซึ่งเลื่อนจากแผนเดิมที่กำหนดการจับสลากในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากนั้นจะเปิดประมูลหาผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการฯภายในเดือนพฤศจิกายน 2568
อย่างไรก็ดีตามแผนจะเริ่มส่งมอบพื้นที่โครงการบ้านเพื่อคนไทย ระยะที่ 1 พร้อมเข้าอยู่ได้ภายในปลายปี 2569 โดยโครงการบ้านเพื่อไทย
ยังสอดรับกับกฎกมายทรัพย์อิงสิทธิ์ที่จะมีการแก้ไขในส่วนของการเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปี เพื่อรองรับการเช่าที่ดินระยะยาวของภาคเอกชน ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างผลักดันกฎหมายฉบับนี้มาพิจารณา
สำหรับกฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ์ที่ใช้กับที่ดินนั้น ถือเป็นกฎหมายที่ให้สิทธิรูปแบบหนึ่งที่ให้ผู้เช่ามีสิทธิในการใช้ประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคล้ายกับเจ้าของ
แต่มีระยะเวลาจำกัดตามที่ตกลงกันในสัญญา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะไม่เกิน 30 ปี. ทรัพย์อิงสิทธิแตกต่างจากการเช่าทั่วไปตรงที่ผู้ทรงทรัพย์อิงสิทธิมีสิทธิในการซื้อขาย โอน จำนอง หรือใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้