จับตาร่างกฎหมายคมนาคม 4 ฉบับ ลุ้นครม.ไปต่อไม่ไหว ส่อยุบสภา

20 มิ.ย. 2568 | 21:00 น.

ผ่า 4 กฎหมายคมนาคม “กรมราง-ตั๋วร่วม-รฟม.-การท่าเรือฯ” ส่อวืด หลังติดหล่มกลางสภา เหตุสถานการณ์ทางการเมืองไทย-กัมพูชาตึงเครียด ฟากรัฐบาลจ่อปรับครม.ใหม่

จากสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงในช่วงนี้ไม่ว่าจะเป็นการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในยุครัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร รวมถึงกระแสข่าวร้อนแรงไม่แพ้กันถึงสถานการณ์ความตึงเครียดการปิดชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา โดยที่ผ่านมาเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี

ขณะที่ฝ่ายไทยกำลังจะเข้าไปเจรจา กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชาได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป

ล่าสุดมีการเปิดเผยคลิปสนทนาระหว่างสมเด็จฯ ฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กระทบถึงความมั่นคงของรัฐบาล อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลกลับถอนตัวเช่นกัน

เป็นที่น่าจับตาว่าจากสถานการณ์ทางการเมืองข้างต้นที่อาจส่งผลกระทบถึงกฎหมายต่างๆที่ปัจจุบันยังค้างท่ออยู่ในรัฐสภา พบว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมมีร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างชั้นกรรมาธิการในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2

หากพิจารณาแล้วเสร็จรอบรรจุระเบียบวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ถึง รวมทั้งหมด 4 ฉบับ ซึ่งกฎหมายเหล่านี้ถือเป็นกฎหมายสำคัญเร่งด่วนที่พรรคเพื่อไทยต้องเร่งดำเนินการตามที่เคยประกาศไว้ ประกอบด้วย

กฎหมายฉบับแรก คือ ร่าง พรบ.การขนส่งทางราง พ.ศ. … จำนวน 3 ฉบับ โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้จะกำกับดูแลกิจการระบบขนส่งทางรางทั้งระบบ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่งทางราง เช่น ต้องเป็นนิติบุคคล มีเงินทุนและบุคลากรที่เพียงพอ

ขณะเดียวกันยังเปิดทางให้เอกชนร่วมลงทุน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนและพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางรางมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยรอบสถานีขนส่งทางราง เพื่อเพิ่มมูลค่าและประโยชน์ใช้สอย

นอกจากนี้ยังกำหนดหลักเกณฑ์การเชื่อมต่อระบบขนส่งทางรางกับการขนส่งรูปแบบอื่น ๆ เช่น ทางอากาศ ทางน้ำ และระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ เพื่อความสะดวกในการเดินทางของผู้โดยสาร เช่น ระบบตั๋วร่วม ลดค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน

รวมทั้งเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแล ออกใบอนุญาต กำหนดมาตรฐาน พร้อมจัดทำแผนพัฒนาการขนส่งทางรางตลอดจนมีมาตรการและบทลงโทษที่ชัดเจนสำหรับการกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของการขนส่งทางราง ทั้งโทษทางปกครองและโทษอาญา

ต่อมากฎหมายฉบับที่สอง ร่าง พรบ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. … จำนวน 2 ฉบับ ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้มีสาระสำคัญให้ประชาชนสามารถใช้บัตรโดยสารเพียงใบเดียวในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) และเรือ

รวมถึงระบบขนส่งทางรางอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่ต้องซื้อตั๋วหลายครั้ง หรือเผชิญปัญหาค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนสอดรับกับนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่จะเริ่มดำเนินการใช้ได้ทุกเส้นทางภายในเดือนก.ย.นี้

ทั้งนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะเป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม เพื่อให้เป็นมาตรฐานกลางสำหรับทุกผู้ให้บริการ

โดยมีการตั้งคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วมเพื่อกำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสารร่วม สำหรับกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม จะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน การพัฒนา

และการส่งเสริมระบบตั๋วร่วม รวมถึงสนับสนุนการลงทุนพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติของผู้ได้รับใบอนุญาต และอาจให้กู้ยืมเพื่อดำเนินการลงทุน ปรับปรุง และพัฒนาการให้บริการระบบตั๋วร่วม

ขณะที่กฎหมายฉบับที่สาม ร่าง พรบ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. … จำนวน 1 ฉบับ มีสาระสำคัญและวัตถุประสงค์หลักเพื่อปรับปรุงกฎหมายเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2494 ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ในระดับสากล

นอกจากนี้ร่างพรบ.การท่าเรือฯ ยังเปิดทางให้ตั้งบริษัทลูกและร่วมทุน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ โดยอนุญาตให้ กทท. สามารถจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ทั้งในและนอกประเทศ หรือร่วมลงทุนกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทต่างๆ เพื่อประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการของการท่าเรือฯ ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและสร้างรายได้ใหม่ๆ

ในร่างกฎหมายยังผลักดันการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ กทท. สามารถดำเนินกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม เช่น การให้เช่าที่ดินเพื่อสร้างรายได้

การพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าเรือ เช่น ท่าเรือคลองเตย, ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเพิ่มมูลค่าและใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ รวมถึงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและพื้นที่โดยรอบเพื่อรองรับการขยายตัว

ปิดท้ายที่กฎหมายฉบับที่สี่ ร่าง พรบ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. … จำนวน 1 ฉบับ ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อปรับปรุงโครงสร้าง อำนาจหน้าที่ และการบริหารจัดการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้มีความเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบันและอนาคตของการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อรองรับนโยบายสำคัญของรัฐบาล 

ทั้งนี้ร่างกฎหมายฉบับนี้จะรองรับนโยบาย "รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย" รวมถึงการชดเชยรายได้เพื่อให้ รฟม. มีอำนาจในการนำเงินสะสมหรือรายได้จากการดำเนินกิจการอื่นๆ มาใช้ในการชดเชยค่าโดยสารที่ลดลงตามนโยบายดังกล่าวได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จากเดิมที่อาจมีข้อจำกัดในการใช้เงินดังกล่าว

ส่วนกลไกการสนับสนุนนั้นกฎหมายจะวางกรอบให้ รฟม. สามารถบริหารจัดการการเงินเพื่อรองรับการดำเนินนโยบายค่าโดยสารราคาถูกได้อย่างยั่งยืนและเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและการบริหารจัดการ

นอกจากนี้ยังปรับปรุงวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการของ รฟม. ให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้น เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟฟ้าได้หลากหลายกว่าเดิม เช่น การพัฒนาเชิงพาณิชย์บริเวณสถานี การให้บริการอื่น ๆ ที่สร้างรายได้ 

อย่างไรก็ดียังขยายขอบเขตอำนาจของ รฟม. ในการถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง หรือมีทรัพยสิทธิ์ต่างๆ ในการก่อตั้งสิทธิหรือกระทำนิติกรรมใดๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์ของกิจการรถไฟฟ้า

ตลอดจนการกู้ยืมและออกตราสารที่ให้อำนาจ รฟม. ในการกู้ยืมเงินภายในและภายนอกประเทศ รวมถึงออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นๆ เพื่อใช้ในการลงทุนและพัฒนาโครงการ