นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (20 พ.ค.2568) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่....) พ.ศ. .... หลังจากนี้ตามแผนจะเข้าสู่การเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาในวาระที่ 1-วาระที่ 3 ตามลำดับ คาดว่าจะสามารถดำเนินการในส่วนนี้ได้ทันภายในเดือนกันยายนนี้
“การขับเคลื่อนนโยบาย 20 บาทตลอดสายนั้นจะต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตั๋วร่วมด้วย ซึ่งพ.ร.บ. ตั๋วร่วมฉบับปัจจุบันมีข้อจำกัดที่กองทุนภายใต้ พ.ร.บ. สามารถรับได้แต่เงินบริจาคเท่านั้น แต่ไม่สามารถให้กู้ยืมได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไข พ.ร.บ. รฟม.เพื่อให้กองทุนสามารถให้กู้ยืมได้ ซึ่งเรื่องนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาวาระ 2 โดยกระทรวงคมนาคมยืนยันว่าการแก้ไข พ.ร.บ. รฟม. และ พ.ร.บ. ตั๋วร่วมจะดำเนินการไปพร้อมกันเพื่อให้แล้วเสร็จก่อนเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้การดำเนินนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายเป็นไปอย่างราบรื่น” นายสุริยะ กล่าว
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า กระทรวงฯ ยังยืนยันว่ามาตรการนี้จะใช้เงินชดเชยจากกำไรสะสมขอรฟม.เพียง 8,000 ล้านบาทต่อปี ไม่มีการปรับเพิ่มกรอบวงเงินเป็น 9,500 ล้านบาท อย่างที่เป็นข่าวแน่นอน
อย่างไรก็ดีในระหว่างนี้กรรมาธิการยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดจัดตั้งกองทุนตั๋วร่วม และการกำกับดูแล ชดเชยส่วนต่างค่ารายได้ของผู้ประกอบการรถไฟฟ้าทั้งหมด
ทั้งนี้เบื้องต้นกระทรวงการคลังได้พิจารณาแล้วเห็นควรว่าให้ปรับปรุงแก้ไขร่างพ.ร.บ. รฟม. ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการและเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินกิจการรถไฟฟ้าและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง
นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ ว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมีบทบัญญัติที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทรัพย์สินหรือภาระทางการเงินการคลังแก่รัฐ ดังนั้นในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุนและผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม