วันนี้ (21เม.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "ส่งตรงโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน" จัดโดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 4,000 คน
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า รัฐบาลต้องการกระจายอำนาจ การที่เราจะให้โอกาสประชาชน ดีที่สุดคือให้ประชาชนในพื้นที่เพราะรู้ปัญหาของตัวเองดีที่สุด หากประชาชนมีโอกาสทำประชาคมสอบถามความต้องการในชุมชนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง
"ปีนี้กองทุนหมู่บ้านก้าวเข้าสู่ปี 24 มีการสร้างฐานรากให้ชุมนุม ซึ่งกองทุนหมู่บ้านมีเงินหมุนเวียน 3 แสนล้านบาท โครงการ SML ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย กลับมาเพราะเสียงเรียกร้อง เพราะตอบโจทย์ปัญหาได้จริงๆ ไม่ใช่การแจกเงิน แต่เป็นการสนับสนุนโครงการเล็กๆที่สำคัญของชุมชุนที่มาจากความต้องการของคนในชุมชน ด้วยวงเงิน 2 แสน 3 แสน และ 4 แสนบาท ให้ชาวบ้านรวมตัวกันทำประชาคม ตกลงกัน และโหวตสิ่งที่อยากจะพัฒนาชุมชนร่วมกัน เพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
นายกฯ กล่าวด้วยว่า เพราะปัญหาของหมู่บ้านท่าน ชุมชนท่านคืออะไร สามารถบอกเปรยๆได้ว่า ถ้าแต่ละชุมชุนทำได้ตอบโจทย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ "ทำดีมีเพิ่ม" มีอยู่จริง ไม่ได้พูดขึ้นมาเฉยๆ อาจจะทำให้ชุมชนเล็กๆสามารถผลักดันจุดที่ใหญ่ขึ้นในระดับประเทศได้ ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมส่งตรงโอกาสจากชุมชนเพื่อชุมชนให้แต่ละแห่งแข็งแรงมากขึ่้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากกองทุนหมู่บ้านฯ ระบุว่า สำหรับโครงการ SML นี้พัฒนาต่อยอดมาจากแนวคิดโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (SML) ซึ่งริเริ่มขึ้นในปี 2547 ในสมัยของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีจุดกำเนิดจากการเดินทางไปตรวจราชการทั่วประเทศและพบว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการคืองบประมาณในการแก้ไขปัญหาของหมู่บ้านและชุมชน จึงได้ริเริ่มโครงการโดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือต้องการให้มีการจัดสรรงบประมาณโดยตรงให้ประชาชนเป็นผู้บริหารจัดการเอง
ต่อมาในปี 2555 รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สานต่อโครงการ SML อีกครั้งภายใต้แนวคิดเดิม และในปี 2568 รัฐบาลปัจจุบันได้เดินหน้าโครงการนี้อีกครั้ง
กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2544 โดยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ปัจจุบันมีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศจำนวน 79,610 แห่ง มีสมาชิกทั่วประเทศมากกว่า 13 ล้านคน และมีเงินทุนหมุนเวียนมากกว่า 3 แสนล้านบาท นับเป็นกำลังหลักในการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ปัจจุบันกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองก้าวเข้าสู่ปีที่ 24 ซึ่งถือเป็น "ปีแห่งโอกาส" ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ
สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติได้รับงบประมาณ 11,392,200,000 บาท เพื่อจัดสรรให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามขนาดประชากร โดยมีวงเงินงบประมาณกองทุนละ 200,000 - 400,000 บาท การจัดสรรงบประมาณนี้เป็นการกระจายเม็ดเงินจากส่วนกลางลงสู่หมู่บ้านและชุมชนโดยตรง ให้ประชาชนเป็นผู้บริหารจัดการเงินและช่วยกันคิดโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน
รัฐบาลมุ่งเน้นให้กองทุนหมู่บ้านเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน เพื่อการลงทุนในการสร้างอาชีพ สร้างงาน และรายได้ของประชาชนในชุมชน มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการออมของประชาชนเพื่อความมั่นคงในรากฐานของชีวิตและครัวเรือน โครงการนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้การดำเนินโครงการให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และภาคีพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง มีความรู้ ความเข้าใจ ทั้งระเบียบวิธีปฏิบัติ และเพื่อเตรียมความพร้อมการดำเนินงานโครงการ
นอกจากนี้ กองทุนหมู่บ้านยังสามารถนำงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไปดำเนินงานร่วมกับกองทุนหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนร่วมกัน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายชุมชนได้อีกด้วย การสร้างความร่วมมือระหว่างชุมชนนี้จะช่วยให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมในวงกว้าง
กองทุนหมู่บ้านและชุมชนที่สนใจสามารถยื่นขอรับการจัดสรรงบประมาณได้ โดยจะพิจารณาตามลำดับก่อนหลังของการยื่นโครงการที่มีคุณสมบัติครบถ้วน จนกว่าวงเงินงบประมาณจะหมด ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติใกล้บ้าน หรือเว็บไซต์ www.villagefund.or.th