ประกันสังคมคืนเงินสมทบ ม.40 ที่ชำระเกิน ไม่ได้รับเงิน รีบเช็ค www.sso.go.th

16 ส.ค. 2565 | 03:00 น.

"ประกันสังคม"โอนเงินคืนให้ผู้ประกันตน ม.40 ส่วนที่ชำระเกิน กรณีลดอัตราเงินสมทบ รอบแรกไปแล้วกว่า 2.8 ล้านคน มีโอนไม่สำเร็จ 2.5 แสนราย กลุ่มที่ไม่ได้รับเงินคืน รีบตรวจสอบสาเหตุที่ www.sso.go.th เผยโอนอีกรอบ 14 – 16 ก.ย. 65

ตามที่"ประกันสังคม"ลดอัตราเงินสมทบให้กับผู้ประกันตนมาตรา 40 เหลือร้อยละ 60 ของเงินสมทบ เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่งวดวันที่ 1 สิงหาคม 2564 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 และในงวดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 กรกฎาคม 2565 นั้น

 

ล่าสุดสำนักงานประกันสังคม ดำเนินการคืนเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่นำส่งเงินสมทบไว้เกินจำนวนที่ต้องชำระ โดยวิธีการโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน ซึ่งประกันสังคมได้โอนเงินรอบแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 8 – 11 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา วันละ 1 ล้านคน โดยโอนเงินคืนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ผู้ประกันตนมาตรา 40 ไปแล้ว จำนวน 2,884,909 ราย โอนเงินสำเร็จ เป็นจำนวนเงิน 402,289,546 บาท 

ทั้งนี้ ยังมีกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 40 อีกจำนวน 250,533 ราย ที่โอนเงินไม่สำเร็จ เนื่องจากสาเหตุ

 

  • ผู้ประกันตนยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน จำนวน 243,992 ราย 
  • บัญชีปิด จำนวน 4,218 ราย ไม่มีบัญชี จำนวน 1,146 ราย 
  • บัญชีติดเงื่อนไข (กรณีรายการ Direct Debit) จำนวน 39 ราย เลขบัญชีไม่ถูกต้อง จำนวน 9 ราย 
  • ไม่สามารถทำรายการได้เนื่องจากบัญชีไม่เคลื่อนไหวจำนวน 1,130 ราย 

จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ประกันตนยังไม่ได้รับเงินคืนในรอบแรก นั้น สำนักงานประกันสังคมขอแจ้งให้ผู้ประกันตนรีบดำเนินการตรวจสอบข้อมูลตนเองเป็นการด่วน โดยสำนักงานประกันสังคมได้นำข้อมูลขึ้นระบบ www.sso.go.th เพื่อให้ตรวจสอบว่าตนเองอยู่ในกลุ่มที่โอนเงินเข้าบัญชีไม่สำเร็จ เพราะสาเหตุใด ในวันที่ 16 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป

 

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่มีสิทธิจะต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วยเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคาร ให้เสร็จสิ้นก่อนในวันที่ 8 กันยายน 2565 นี้

 

ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะทำการโอนเงินให้กับผู้ประกันตนมาตรา 40 กลุ่มที่ยังไม่ได้รับเงินคืนในรอบแรกผ่านบัญชีพร้อมเพย์ พร้อมกับกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 40 ในรอบ 2 ระหว่างวันที่ 14 - 16 กันยายน 2565

 

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง