KEY
POINTS
นายปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายในงาน Sustainability Expo 2025 "A Call for Adaptation The Sustainability in Trade & Industry" ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ร่วมกับ Sustainability Expo 2025 (SX2025) ว่า ปัจจุบันไทยคมได้ขยายวิสัยทัศน์สู่การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเพื่อสร้างประโยชน์เชิงยั่งยืนให้กับประเทศไทยและภูมิภาค มากกว่าการมุ่งสู่ดาวอังคารอย่างที่บริษัทระดับโลกบางรายกำลังทำ
ทั้งนี้ เทคโนโลยีอวกาศ โดยเฉพาะดาวเทียม มีศักยภาพสูงในด้านการเกษตรของไทย และไทยคมได้พัฒนา ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) ขึ้นเองโดยฝีมือคนไทย เพื่อใช้ร่วมกับภาพถ่ายจากดาวเทียม วิเคราะห์พื้นที่ป่า ประเมินความสามารถในการกักเก็บคาร์บอน จนได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างระบบคาร์บอนเครดิตที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และพร้อมต่อยอดสู่พืชเศรษฐกิจอื่น เช่น ปาล์มน้ำมัน ที่มีพื้นที่ปลูกจำนวนมากในประเทศ
อย่างไรก็ดี พบว่าพื้นที่เกษตรที่เป็นลักษณะกึ่งป่า เช่น สวนปาล์ม มีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนสูงมาก สิ่งที่ทำคือใช้ดาวเทียมกับ AI เพื่อประเมินศักยภาพเหล่านี้ ซึ่งให้ผลแม่นยำกว่าการใช้คนเดินสำรวจ เพราะสามารถประมวลผลได้ครอบคลุมในระดับประเทศ
อย่าบไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยีดังกล่าวยังทำให้ต้นทุนลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับการใช้แรงงานคน และที่สำคัญคือสามารถขยายสเกลได้ง่าย เช่นในโครงการร่วมกับบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลดิบจากพื้นที่จริงมาประมวลกับข้อมูลจากดาวเทียม สร้างระบบ AI ที่แม่นยำ และพร้อมใช้งานในภาคสนาม
นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ในพืชชนิดอื่น เช่น อ้อย ข้าว และยางพารา โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องไฟป่าและมลพิษ ไทยคมได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ใช้ดาวเทียมตรวจสอบพื้นที่เผาอ้อยกว่า 1 ล้านไร่ จากพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งหมดราว 10 ล้านไร่ของประเทศ และอยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
นายปฐมภพ กล่าวอีกว่า ระบบ AI ที่ไทยคมพัฒนาจะยิ่งเก่งหากได้เรียนรู้จากข้อมูลจริงที่หลากหลาย ยิ่งทำงานกับบริษัทใหญ่ ก็จะยิ่งทำให้ระบบเรียนรู้ได้เร็วขึ้น และสามารถนำไปใช้กับรายเล็กได้ทันที เพราะต้นทุนไม่สูง ไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์แพง และไม่ต้องใช้แคปปาซิตี้สูงมาก ที่สำคัญคือ ใช้สมองของคนไทยเอง
อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะในเชิงนโยบายและงบประมาณของภาครัฐ ที่ยังไม่ได้ปรับให้รองรับเทคโนโลยีใหม่นี้ เนื่องจากในอดีตไม่มีหมวดงบประมาณที่รองรับการใช้เทคโนโลยีอวกาศหรือ AI ในภาคเกษตร อีกทั้งกระบวนการของรัฐหลายหน่วยงานยังยึดติดกับการใช้คน และยังไม่มั่นใจในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเทคโนโลยี
“ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความพร้อม เหลือแค่ว่ารัฐบาลจะกล้าขับเคลื่อนหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไทยคมร่วมงานกับหลายกระทรวง ซึ่งให้การตอบรับดีมาก แต่หากจะขยายให้ครอบคลุมระดับประเทศจริง ๆ ก็ต้องมีนโยบายและงบประมาณที่ชัดเจน การเปลี่ยนจากระบบเก่าที่ใช้คน มาเป็นการใช้เทคโนโลยี ต้องอาศัยความกล้าและการปรับระเบียบหลายอย่าง”
นายปฐมภพ กล่าวอีกว่า การแข่งขันของไทยในอนาคตจะต้องขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ไม่ใช่เพียงแค่ทรัพยากรธรรมชาติหรือแรงงานอีกต่อไป แม้ดาวเทียมจะอยู่ไกลจากโลก แต่เทคโนโลยีดาวเทียมสามารถช่วยให้โลกดีขึ้นได้จริง