ลดค่าไฟต่ำกว่า 3.70 บาทต้องทำอย่างไร เจาะลึกแนวทาง ส.อ.ท.

03 พ.ค. 2568 | 00:39 น.

ส.อ.ท. ตั้งเป้าลดค่าไฟงวดพ.ย.-ธ.ค. 68 ต่ำกว่า 3.70 บาทต้องทำอย่างไร ฐานเศรษฐกิจรวบรวมคำตอบทั้งหมดไว้ให้แล้วที่นี่

ลดค่าไฟต่ำกว่า 3.70 บาทต่อหน่วย เป็นเป้าหมายค่าไฟงวดก.ย.-ธ.ค. 68 ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประกาศว่ารัฐบาลควรทำให้ได้

ทั้งนี้ ประเด็นที่สำคัญก็คือจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้การลดค่าไฟสามารถทำได้ในระดับต่ำกว่า 3.70 บาทดังกล่าว

จากการตรวจสอบของ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงแนวความเป็นไปได้ พบว่า

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ระบุถึงแนวทางข้อเสนอที่รัฐบาลควรดำเนินการเกี่ยวกับการลดค่าไฟในระยะต่อไป ประกอบด้วย

  • ควรใช้วิธีประกวดราคา ให้ได้ผู้ชนะ ที่มีราคาต่ำสุดแทนราคาเป้าหมาย และ ให้คะแนนเชิงเทคนิค

ลดค่าไฟต่ำกว่า 3.70 บาทต้องทำอย่างไร เจาะลึกแนวทาง ส.อ.ท.

  • กรณีพลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม ภาครัฐเป็นผู้จัดหา เตรียมที่ดินทั้งบนบก หรือบนน้ำที่มีอยู่แล้ว เช่น ที่ดินของกรมธนารักษ์ ที่ดินของการรถไฟในคลองชลประทาน ต่างๆ และให้ เอกชนมาแข่งขันการสร้างโรงไฟฟ้าแทนการใช้ที่ดิน ที่เอกชนจัดหามาเอง ซึ่ง แพงเพื่อให้ ต้นทุนโรงไฟฟ้า ของประเทศ มีราคาต่ำลง
  • ขอให้ทบทวนใช้ราคารับซื้อไฟฟ้าเป็นราคาที่เหมาะสมสำหรับโรงไฟฟ้าที่ได้ราคาส่วนเพิ่ม (Adder) เดิมที่คืนทุนไปแล้ว หรือหากจำเป็นก็หาทางเจรจายกเลิกสัญญาไม่ผูกพันเช่นในปัจจุบัน

นายอิศเรศ ระบุด้วยว่า เอกชนต้องการเห็นนโยบายเรื่องพลังงานและค่าไฟฟ้าที่เป็นเชิงรุก และแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ด้วยยุทธศาสตร์ที่ดี โดยควร ประสานใกล้ชิด และ เปิดใจรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างเหมาะสม

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วน และความร่วมมือที่ดีในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจของโลกและของประเทศเช่นในปัจจุบัน

“แนวโน้มค่าไฟงวดก.ย.-ธ.ค. 68ไม่ควรเกิน 3.70 บาทต่อหน่วย โดยจะต้องกล้าลดไขมันที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แค่โยกตัวเลข และไม่เติมของใหม่ที่มีไขมันเข้าระบบ”

สำหรับการลดไขมันที่แฝงอยู่ในค่าไฟฟาจากเงินลงทุนที่ไม่ได้ใช้ตามแผนลงทุนจาก 3 การไฟฟ้าฯ (Claw back) ใน งวดพ.ค.-ส.ค. 68  ถือว่ามาถูกทาง ซึ่งในความเป็นจริงตัวเลขดังกล่าวจริงได้ไปรวมอยู่ในค่าไฟฟ้าฐานมาตั้งนานแล้ว

ทั้งนี้ ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าต้องการให้มีการทบทวน เรื่องเงินลงทุนกันทุกปี โดยไม่ต้องรอการปรับค่าไฟฟ้าฐานทุก 5 ปี เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระค่าไฟฟ้าที่แฝงอยู่ของประเทศ

การลดไขมันต้องแก้ปัญหาเรื่องค่าแก็สธรรมชาติ (NG) ซึ่งแพงที่ต้นเหตุ ไม่ใช้วิธีการโยกภาระ ค่า LNG นำเข้าที่แพงที่สุดให้ภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่งรับภาระ  ยิ่งในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจติดดินเช่นนี้ โดยกกร. ได้ยื่นหนังสือ นโยบาย Pool Gas ถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีวันนี้ (2 พ.ค.68)

นอกจากนี้ควรรีบทบทวน /ยับยั้ง การเดินหน้าการรับซื้อพลังงานหมุนเวียน(Big Lot) ที่ใช้ราคาเป้าหมายตามประกาศของ กกพ.ที่แพงกว่าราคาตลาดในเวลาเดียวกันแม้ว่าจะถูกกฏหมาย แต่ไม่เหมาะสมเพราะจะเป็นภาระของประเทศไม่จบ ไม่สิ้น ควรหาทางออกด้วยการหารือกับผู้เกี่ยวข้อง