ค่าไฟหน่วยละกี่บาทล่าสุด งวดพ.ค.-ส.ค. 68 ลดราคาหรือไม่

01 พ.ค. 2568 | 05:03 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ค. 2568 | 06:01 น.

ตรวจสอบค่าไฟงวดพ.ค.-ส.ค. 68 ลดราคาลงหรือไม่ ต้องจ่ายเท่าไหร่ หลัง กกพ. มีมติล่าสุด ฐานเศรษฐกิจรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ให้แล้วที่นี่

ค่าไฟหน่วยละกี่บาท กำลังเป็นประเด็นคำถามที่ได้รับความสนใจ หลังจากที่เข้าสู่รอบใหม่ของการกำหนดค่าไฟเดือนพ.ค.-ส.ค. 68  โดยล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้ประกาศค่าไฟงวดใหม่ออกมาเรียบร้อยแล้ว

จากการตรวจสอบของ “ฐานเศรษฐกิจ” เพื่อไขข้อสงสัยในประเด็นเรื่องของค่าไฟ พบว่า

สำนักงาน กกพ. โดยดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการ กกพ. ในฐานะโฆษก กกพ. ระบุว่า ที่ประชุม กกพ. ล่าสุดมีมติลดค่าไฟเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วยงวด พ.ค.-ส.ค. 68 ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย ครม. ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย

โดยใช้แนวทางนำเงินเรียกคืนผลประโยชน์ส่วนเกิน (Claw Back) หรือ เงินที่เกิดจากการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามแผนของ 3 การไฟฟ้าประมาณ 12,200 ล้านบาทมาใช้ จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 20,000 ล้านบาท  

ค่าไฟหน่วยละกี่บาทล่าสุด งวดพ.ค.-ส.ค. 68 ลดราคาหรือไม่

ทำให้สามารถลดค่าไฟได้  17 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อนำไปลบกับค่าไฟที่ กกพ.ประกาศไว้เดิมที่ 4.15 บาทต่อหน่วย จะทำให้เหลือค่าไฟที่ต้องจ่ายงวดพ.ค.-ส.ค. 68 ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย

ส่งผลให้ปัจจุบันยังคงเหลือเงิน Claw Back อีก 8,000 ล้านบาท โดยเหตุผลที่เพิ่งนำมาใช้ เนื่องจากเพิ่งประเมินและตรวจสอบความถูกต้องได้ หลังประกาศ 4.15 บาทต่อหน่วยไปแล้ว

เงิน Claw black ดังกล่าวเคยถูกนำใช้หนึ่งครั้งในช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพราะประเทศเกิดวิกฤติอย่างแท้จริง ทั้งนี้ จะมีผลทันทีในรอบบิลพ.ค.-ส.ค. 68

เดิมทีเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 68 คณะรัฐมนตรี มีมติ โดยได้มีการอนุมัติเป้าหมายการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่จะประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้า สำหรับรอบเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ.2568 นี้ ลงเหลืออัตราไม่เกินหน่วยละ 3.99 บาท โดยไม่มีการอุดหนุนงบประมาณจากภาครัฐ 

โดยมอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กำกับดูแล คณะกรรมการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (บอร์ด กฟผ.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้ลดราคาค่าไฟฟ้าลงตามเป้าหมายดังกล่าว

นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติให้ กฟผ. และบอร์ด กฟผ. รวมทั้ง กกพ. ร่วมดำเนินการใน 3 ข้อต่อไปนี้ให้เสร็จภายใน 45 วัน นับตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติ ประกอบด้วย

  • หาแนวทางแก้ไขปัญหาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในรูปแบบการให้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) และรูปแบบการให้เงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง (FiT) รวมถึงการแก้ไขเงื่อนไขที่กำหนดให้สัญญาดังกล่าวมีอายุสัญญาต่อเนื่องโดยไม่กำหนดวันสิ้นสุดสัญญาไว้
  • หาแนวทางแก้ปัญหาค่าความพร้อมจ่าย (AP) และค่าพลังงาน (EP) รวมทั้งเงื่อนไขข้อตกลงอื่นในสัญญา PPA จากโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ตามสัญญารับซื้อไฟฟ้าระยะยาว ในทุกสัญญาที่มีเงื่อนไขที่ทำให้ กฟผ. หรือรัฐเสียเปรียบ หรือมีภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเกินควร หรือสูงเกินกว่าความเป็นจริง
  • หาแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคของข้อตกลงในสัญญารับซื้อไฟฟ้าต่างๆ ที่ทำให้ศูนย์การควบคุมระบบไฟฟ้า (SO) ไม่สามารถบริหารจัดการการสั่งผลิตไฟฟ้าให้ต้นทุนผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ลดต่ำลงได้

นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ศึกษาและเสนอแนวทางปรับโครงสร้างระบบ Pool Gas เพื่อให้ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับใช้ผลิตไฟฟ้าให้ประชาชน มีราคาต่ำลง โดยต้องดำเนินการให้ทันรอบประกาศราคาค่าไฟฟ้างวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2568

สำหรับค่าไฟงวดปัจจุบันอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย ขณะที่ล่าสุด กกพ. ประกาศตรึงค่าไฟงวด พ.ค.-ส.ค. 68 ไว้ที่ 4.15 เท่าเดิมจาก 3 ทางเลือกที่เปิดประชาพิจารณ์